HomeFinancialKrungsri x BlackRock บลจ.อันดับ 1 ของโลก ดันลูกค้ากลุ่มเวลธ์เพิ่ม “เท่าตัว” ใน 5 ปี

Krungsri x BlackRock บลจ.อันดับ 1 ของโลก ดันลูกค้ากลุ่มเวลธ์เพิ่ม “เท่าตัว” ใน 5 ปี

แชร์ :

คุณเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน)

สถิติสิ้นปี 2562 ธุรกิจการให้คำปรึกษาการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ในเอเชียเติบโต 10% สูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ แน่นอนว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่กำลังขยายตัว ประเมินกันว่าสินทรัพย์ของกลุ่มเวลธ์ในไทยอยู่ที่ 10 ล้านล้านบาท เริ่มมองโอกาสลงทุนในต่างประเทศ เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่าภาวะดอกเบี้ยต่ำ ที่ผ่านมาจึงเห็นสถาบันการเงินไทยจับมือเป็นพันธมิตรกับที่ปรึกษาต่างชาติ หาโซลูชั่นการลงทุนตอบโจทย์ผู้มั่งคั่งชาวไทย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

กลยุทธ์การขยายฐานลูกค้ากลุ่มเวลธ์ของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและบริษัทในเครือ ธุรกิจการเงินใหญ่อันดับ 5 ของไทย ประกาศเป็นพันธมิตรกับ BlackRock บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารใหญ่ที่สุดในโลก ตามดู 5 เรื่องน่ารู้ ของการ Collaboration ในครั้งนี้

คุณเดบราห์ โฮ ประธานฝ่ายธุรกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มบริษัทแบล็คร็อค

1. รู้จัก BlackRock บลจ.เบอร์ 1 ของโลก

สำหรับ BlackRock เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนใหญ่ที่สุดในโลก ณ เดือนกันยายน 2563 มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 7.81 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากฐานลูกค้าทั่วโลก ก่อตั้งมากว่า 30 ปี เริ่มต้นจากพนักงานเพียง 8 คน ปัจจุบันมีผู้บริหารและพนักงาน 16,000 คน มีสำนักงานกว่า 30 แห่งทั่วโลก

เป็นบริษัทจัดการด้านการลงทุนระดับโลก เพื่อการบริหารจัดการกองทุนรวม กองทุนรวมดัชนี และกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีกับลูกค้ากว่า 100 ประเทศทั่วโลก ด้วยเป้าหมายให้ทุกคนมีสุขภาพการเงินที่ดีไปถึงวัยเกษียณ

คุณพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยและเครือข่ายการขาย กรุงศรี

2. กลุ่มเวลธ์เอเชียเติบโตสูงสุด

ไม่ว่าโลก New Normal ในยุคโคดวิ-19 จะเป็นอย่างไร  ธุรกิจที่ปรึกษาและบริหารความมั่งคั่งในเอเชียยังมีแนวโน้มสดใส ตัวเลข ณ สิ้นปี 2562 สินทรัพย์ทางการเงินส่วนบุคคลในเอเชียมีมูลค่า 34 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 10% ต่อปี ตลอดช่วงปี 2557-2562 สูงกว่ายุโรปและอเมริกาเหนือที่เติบโต 5-6% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

ในขณะที่ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในเอเชียยังมีสัดส่วนไม่มาก ดูได้จากมูลค่าสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารมีเพียง 15-20% ของสินทรัพย์ทางการเงินส่วนบุคคลรวมในภูมิภาคเอเชีย นั่นหมายถึงยังมีโอกาสขยายได้อีกมาก กลุ่มเวลธ์ในไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้ธุรกิจที่ปรึกษาบริหารความมั่งคั่งยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ทั้งกรุงศรีและ BlackRock ต่างก็เห็นโอกาสนี้ในตลาดไทยจึงจับมือเป็นพันธมิตรขยายตลาดร่วมกัน

3. กรุงศรี วางเป้าหมาย 5 ปี ลูกค้าเวลธ์เพิ่มเท่าตัว

กลุ่มลูกค้าเวลธ์ ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง กรุงศรีมีลูกค้า 2 กลุ่ม คือ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ  มีสินทรัพย์เงินฝากและเงินลงทุน 5 ล้านบาทขึ้นไป และกรุงศรี ไพรม์ มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปแต่ไม่เกิน  5 ล้านบาท รวมทั้ง 2 กลุ่มมี 300,000 ราย โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การดูแล (AUM) รวมอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ยมากกว่า 10% ในปีที่ผ่านมา

หลังเป็นพันธมิตรกับ BlackRock ให้บริการที่ปรึกษาการลงทุนและนำเสนอโปรดักท์ทางการเงินร่วมกัน กรุงศรี ได้วางเป้าหมายลูกค้ากลุ่มเวลธ์เพิ่มขึ้นปีละ 15%  หรือจำนวนเติบโต “เท่าตัว” ใน 5 ปี เป็น 600,000 ราย และพอร์ตสินทรัพย์ภายใต้การดูแลรวมอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท

4. บริหารกลุ่มเวลธ์ด้วยกลยุทธ์ Glocal (Global + Local)

ที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มเวลธ์ ของกรุงศรี สามารถลงทุนได้หลากหลายผลิตภัณฑ์กว่า 200 กองทุน  และเปิดให้ลูกค้าลงทุนด้วยตัวเองผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์ม หรือนัดปรึกษาการลงทุนกับเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้า (RM)

จากการสำรวจกลุ่มเวลธ์พบ Customer Insights ลูกค้าต้องการ 3 เรื่องหลัก คือ 1. คำแนะนำด้านกลยุทธ์ลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ 2. ที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ และ 3. ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบความต้องการเฉพาะ

ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของโควิด นักลงทุนจึงมองหาโอกาสการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนน่าสนใจจากตลาดทั่วโลก การให้บริการแนะนำการลงทุนกลุ่มเวลธ์ของกรุงศรีและ BlackRock จึงเป็นเป็นกลยุทธ์ Glocal (Global + Local) การผสมผสานจุดแข็งของ 2 พันธมิตร ในฝั่งท้องถิ่นและระดับโลก

โดยกรุงศรี มีเครือข่ายครอบคลุมและฐานลูกค้า, มีเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้ามืออาชีพ และเข้าใจความต้องการลูกค้าในประเทศ ส่วน BlackRock มีเครือข่ายการลงทุนทั่วโลก ใช้เทคโนโลยีและ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนได้แม่นยำ สามารถเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้ทั่วโลก สร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ

5. ปิดตัวกองทุนแรก KFCORE

ปกติการจัดพอร์ตลงทุน 2 ส่วนของกลุ่มเวลธ์  มี 2 กลยุทธ์ คือ

1. Strategic Asset Allocation จัดพอร์ตลงทุนระยะยาว 1 ปีขึ้นไป  ไม่เน้นการปรับพอร์ตบ่อยนักและไม่โฟกัสปัจจัยการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น

2. Tactical Asset Allocation เป็นมุมมองการลงทุนระยะสั้น-ปานกลาง ประมาณ 3-12 เดือน เพื่อรับมือกับภาวะการลงทุนตามสถานการณ์

ภายใต้ความร่วมมือของ กรุงศรีและ BlackRock ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แรก กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอร์อโลเคชั่น (KFCORE) เสนอขายครั้งแรก 15-27 ตุลาคมนี้ ให้กับลูกค้ากลุ่มเวลธ์ของกรุงศรี ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลาย (Tactical Asset Allocation) เป็นการบริหารกองทุนเชิงรุก เพื่อรับมือทุกสภาวะเศรษฐกิจ สามารถปรับพอร์ตอย่างรวดเร็วตามปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง ให้ความสำคัญกับปัจจัยมหาภาค ตัวเลขเศรษฐกิจ จีดีพี เงินเฟ้อ นโยบายภาครัฐ ในประเทศต่างๆที่เข้าไปลงทุน

โดยกระจายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้อย่างยืดหยุ่น ตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา ให้ผลตอบแทนที่ดีในระดับความผันผวนที่ไม่สูงนัก เหมาะสำหรับการลงทุนระยาวเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุน (Core portfolio)

เช่น ช่วงต้นปีนี้ธนาคารทั่วโลกได้อัดฉีดเงินเข้าระบบ BlackRock จึงได้ลดการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อหาผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการลงทุน

ปัจจัยการลงทุนด้านการเงินในช่วงโควิด ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก และสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เป็นความท้าทายการบริหารสินทรัพย์ให้มีความมั่งคั่ง เมื่อตลาดเงินตลาดทุนในประเทศไทยมีข้อจำกัด การลงทุนในต่างประเทศ จึงเป็นตัวเลือกที่ สถาบันการเงินต้องร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ มาให้บริการกลุ่มเวลธ์ในไทยขยายพอร์ตความมั่งคั่งให้มากขึ้นอีก


แชร์ :

You may also like