เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มรู้จักกับคำว่า 5G กันมาบ้างพอสมควร แต่สำหรับใครหลายคนอาจคิดว่าการที่มีเครือข่าย 5G มาใช้งานอยู่ในมือ เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นด้านค่าใช้จ่าย และ ตัวเลือกของสมาร์ทโฟนที่สามารถรองรับ 5G ที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม
นับว่า 5G เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่จะเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตให้สมาร์ทมากยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อทุกสิ่งรอบตัวได้ด้วยสมาร์ทโฟนและควบคุมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ครั้งนี้ OPPO จึงวางกลยุทธ์เจาะตลาด 5G เปิดตัวผลิตภัณฑ์ 3 รุ่น 3 ราคา พร้อมกัน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ได้ง่ายยิ่งขึ้นในทุกกลุ่มผู้บริโภค
เริ่มต้นด้วย สมาร์ทโฟน 5G ในราคาระดับกลางที่คุ้มค่าที่สุดอย่าง OPPO Reno4 Z 5G ที่พร้อมให้อัพเดตไลฟ์สไตล์และเชื่อมต่อได้แบบเรียลไทม์ ด้วยการเชื่อมต่อที่รองรับเครือข่าย 5G รวมถึง 120Hz Silky Display ที่มีอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุดถึง 120Hz ให้ภาพที่นุ่มนวล ลื่นไหล เต็มอิ่มยิ่งขึ้น สำหรับประสิทธิภาพการถ่ายภาพ มาพร้อมกล้องถึง 6 กล้อง ประกอบด้วย กล้องหน้าคู่ 16+2MP และ กล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 48MP พร้อมดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม เพรียวบางจับถนัดมือ ด้วยราคาที่เข้าถึงได้เพียง 12,990 บาท
ต่อด้วยอีกรุ่นอย่าง OPPO Reno4 Pro 5G สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอได้ดีที่สุด กับราคา 24,990 บาท ที่สามารถถ่ายวิดีโอได้ทุกสภาพแสงด้วยมุมมองที่กว้างกว่ากับ Ultra Night Wide-angle Video พร้อมส่งวิดีโอได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด กับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G จัดเต็มด้วย RAM 12GB ROM 256GB และ 65W SuperVOOC 2.0 Flash Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มภายใน 36 นาที โดยมาในดีไซน์บางเบา ที่มีความบางเพียง 7.6mm
และอีกหนึ่งรุ่นที่สามารถรองรับการใช้งานที่หนักหน่วง ต้องการความรวดเร็ว ไหลลื่น และตอบโจทย์ได้ทุกการใช้ชีวิตอย่าง OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ที่เร็วแรงที่สุด กับราคา 40,990 บาท ที่มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยมกับสีสันใหม่ที่ให้ความรู้สึกสบายตา และ พร้อมใช้ทุกนาทีได้อย่างคุ้มค่า ไม่ต้องรอ ไปกับหน้าจอ 120Hz QHD+ Ultra Vision Screen ที่รวดเร็วและลื่นไหลที่สุด พร้อมให้คุณเห็นสีสันจากหน้าจอได้อย่างเสมือนจริงมากที่สุดด้วย True Billion Color Display หรือหน้าจอที่สามารถประมวลสีได้ถึงหนึ่งพันล้านสี และเทคโนโลยีการชาร์จที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน อย่าง 65W SuperVOOC 2.0 Flash Charge พร้อมกล้องความละเอียดสูงสุด 48MP กับ เซ็นเซอร์ IMX689 ให้คุณได้ภาพที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังมีชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865 รองรับเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode พร้อมกับ RAM 12GB และ ROM 512GB
เรียกได้ว่า เป็นที่น่าจับตามองว่า OPPO 5G ในอนาคต จะเข้ามาบุกตลาด 5G อย่างไรต่อไป เพราะ ยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคแห่งการเชื่อมต่ออัจฉริยะ ที่จะมาเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ รวมถึงมีผลต่อการใช้ชีวิตของเรา และครั้งนี้เราก็สามารถเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ให้ก้าวทันยุคแห่งการเชื่อมต่อ 5G ได้แล้ววันนี้