หากเอ่ยถึงธุรกิจเกี่ยวกับผู้ผลิตเคมีภัณฑ์และเทคโนโลยีทำความสะอาดที่ทันสมัย หนึ่งในตองอูของวงการก็คือ บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT ที่นำเสนอสินค้าและบริการด้านการทำความสะอาดให้กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ท กลุ่มร้านอาหาร กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ด้วยความพร้อมของธุรกิจที่ได้รับการวางรากฐานอันแข็งแกร่งมาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ความเข้มข้นของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บุคลากรที่มีคุณภาพ และโอกาสทองจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ทั้งโลกก้าวเข้าสู่ยุค New Normal จึงทำให้พีรพัฒน์ เทคโนโลยี ตั้งเป้าที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (MAI ) ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ภายใต้ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของการเป็น “ผู้นำนวัตกรรมด้านความสะอาด เพื่อภาพลักษณ์ที่ยั่งยืน”
กว่าจะเป็น พีรพัฒน์ เทคโนโลยี (PRAPAT)
คุณวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ย้อนอดีตถึงที่มาของพีรพัฒน์ เทคโนโลยี ว่าถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 2531 ภายใต้ชื่อ หจก. พีรพัฒน์ เคมีคอล โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งเป็นวิศวกรและนักเคมีจำนวน 5 คน นำโดยคุณสืบพงศ์ เกตุนุติ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ในครั้งนั้นเริ่มดำเนินธุรกิจด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ โดยใช้ชื่อ หจก. พีรพัฒน์ เคมีคอล ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นบริษัทชั้นนำด้านนี้ของคนไทย
“หลังจบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาเคมี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณสืบพงศ์ได้เริ่มทำงานเป็นพนักงานขายเคมีภัณฑ์ในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง แต่หลังจากทำงานไปสักระยะ ก็ได้เล็งเห็นโอกาสในตลาดนี้ว่าต่อไปสามารถจะเติบโตได้ดีจากการค้าขายกับธุรกิจ Hospitality จึงลาออกตั้งบริษัทเอง เริ่มแรกซื้อมาขายไปก่อน แต่การเป็นเทรดเดอร์โดยทั่วไปไม่ค่อยยั่งยืนอยู่แล้ว ปี 2531 เริ่มผลิตเอง ขายเอง เจาะกลุ่มลูกค้าโรงแรมก่อน ด้วยผลิตภัณฑ์ซักรีดที่เข้มข้นกว่า และพิเศษกว่าที่ใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นครัว สุขภัณฑ์ และสระว่ายน้ำ แต่ตอนนั้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังไม่บูมมากนัก ในปี 2537 ร่วมทุนกับกองทุน AIB Govett Investment Management Limited (อังกฤษ) ที่ลงทุน 15 ล้านบาท ถือเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินมั่นคง เพียงพอที่จะขยายกำลังการผลิตที่โรงงานรังสิต และเริ่มขยายสาขาต่างจังหวัด และนั่นก็นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของพีรพัฒน์ฯ ที่กิจการเริ่มรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ และได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 67.50 ล้านบาท เพื่อขยายการผลิต ขยายสาขาเพิ่มขึ้นทั้งในต่างจังหวัด และต่างประเทศ รวมถึงขยายกิจการด้านเครื่องจักรด้วย จากนั้นในปี 2549 ได้ซื้อหุ้นคืนจากกองทุน AIB Govett ทำให้ผู้ถือหุ้นเป็นชาวไทยทั้งหมด”
ครบเครื่อง–ครบครัน-ครบวงจร เรื่องทำความสะอาด
คุณวีระพงค์ ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะเน้นสินค้าเครื่องจักรและเคมีภัณฑ์เป็นหลักว่ามีบริษัทต่าง ๆ ภายในเครือพีรพัฒน์ฯ ดำเนินกิจการต่าง ๆ ที่มีความเฉพาะเจาะจงเพื่อจับกลุ่มลูกค้าแต่ละประเภทอย่างชัดเจน และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัว รวดเร็ว สอดรับกับสถานการณ์โลกและเทคโนโลยีที่นับวันจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้พนักงานมีโอกาสเติบโต ในเส้นทางอาชีพเร็วขึ้นด้วย โดยฟันเฟืองที่หลอมรวมกันเป็นบริษัทชั้นนำด้านการทำความสะอาดของไทย ประกอบด้วย
“ให้บริการกลุ่มซักรีดในโรงแรม รีสอร์ท จำหน่ายเครื่องควบคุมและเครื่องจ่ายน้ำยาด้วย เพราะเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ ซักแต่ละครั้ง 50-100 กก. ต้องใช้เครื่องจ่ายอัตโนมัติ น้ำยาที่พัฒนาเฉพาะสำหรับการซักผ้าแต่ละประเภท ผ้าบางชนิดต้องใช้น้ำยามากถึง 6 ตัว เช่น ผ้าที่ใช้งานสปาที่ต้องซับทั้งน้ำมันอโรมา และสมุนไพรต่าง ๆ”
นอกจากนี้ยังนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องทำความสะอาดพื้นและพรมแบรนด์ nilco จากตุรกี และ NSS จาก USA มีลูกค้าใช้งานอย่างแพร่หลายตามโรงแรม โรงงาน สนามกีฬา และสนามบิน โดยสินค้าทุกอย่างที่นำเข้ามาเราเป็น sole distributor เจ้าเดียวในไทย”
– บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด มหาชน เป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำร้อนประหยัดพลังงาน Heat Pump โดยได้รับความไว้วางใจในคุณภาพและบริการจากลูกค้ากลุ่มโรงแรม รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความสะอาดในอาคารสำหรับองค์กร โดยครอบคลุมตั้งแต่เครื่องจักร อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดต่างๆ รวมถึงการให้บริการหลังการขายทั่วประเทศ
– บริษัท ไทยสจ็วต เซอร์วิสเซ็ส จำกัด ดำเนินธุรกิจขาย ให้เช่า ให้บริการเครื่องล้างจานนำเข้าจากเยอรมนี สเปน และตุรกี พร้อมออกแบบระบบล้างจาน และภาชนะทุกชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภาชนะในครัวทุกชนิด (น้ำยาล้างจาน) อาทิ จาน ชาม แก้ว ช้อน ส้อม และมีด เป็นต้น
“เมื่อปี 2535 จากที่ทำธุรกิจกับโรงแรมต่าง ๆ อยู่แล้วก็เริ่มไปเจาะกลุ่มร้านอาหาร โดยเราถือเป็นผู้นำของประเทศไทยในการเปลี่ยนรูปแบบการทำความสะอาดจากมือเป็นเครื่อง เพราะเกือบ 30 ปีที่แล้ว เครื่องล้างจานเป็นของใหม่ แทบไม่มีใครใช้ แต่เราก็บุกเบิกตลาดนี้ได้สำเร็จ ”
“ปัจจุบันลูกค้าของเราส่วนใหญ่ที่เช่าเครื่องล้างจานจะเป็นเชนร้านอาหารทั่วไป รวมถึงห้างสรรพสินค้าที่ดำเนินการศูนย์อาหารและห้องอาหารสำหรับพนักงาน โดยธุรกิจนี้เราถือเป็นอันดับ 1 ในประเทศ และหากพิจารณาโอกาสทางการตลาดยังถือว่ามีอีกมาก เพราะตอนนี้มีร้านอาหารที่ใช้เครื่องล้างจานแค่ 20% ของร้านอาหารทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วประเทศ ยิ่งช่วง COVID-19 แรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศ ยอดขายเราก็เติบโตมากขึ้น”
– บริษัท แคลวาทิส–เอเซีย แปซิฟิก จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และสารฆ่าเชื้อ รวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดด้านสุขอนามัยและการบริการที่ดีด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทุกประเภท ภายใต้เครื่องหมายการค้า “calgonit’ ในการควบคุมมาตรฐานจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง CALVATIS ประเทศเยอรมนี
‘ธุรกิจนี้ถือเป็นดาวรุ่งเลย เพราะลูกค้าเราคือกลุ่มโรงงานผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่กิจการยังคงไปได้สวย มิหนำซ้ำยังสร้างความมั่่นใจให้กับผู้บริโภคอีกระดับ ด้วยการล้างระบบทำความสะอาดในไลน์ผลิต อาหารสด แช่แข็ง โรงเชือด ด้วยมาตรการที่เข้มข้น ทำให้ยอดขายของ CVT ปรับตัวดีขึ้น ส่วนในปีหน้า (2564) วางแผนขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านนอกจาก CLMV และ อินโดนีเซียแล้วยังวางแผนขยายตลาดเพิ่มไปยัง มาเลเซีย อีกด้วย
– บริษัท มิสเตอร์ พูล จำกัด รับสร้างสระว่ายน้ำและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สระว่ายน้ำทุกชนิด โดยนำเข้าแบรนด์ PENTAIR จากสหรัฐอเมริกา รวมถึงรับบริการวางระบบติดตั้งอุปกรณ์สระว่ายน้ำ ตลอดจนการบริการหลังการขาย-รับดูแลสระว่ายน้ำ
“เราให้บริการกำจัดตะไคร่ ไขมัน กำจัดเชื้อ ปรับ pH ในสระว่ายน้ำ ขายอุปกรณ์ปั๊มน้ำ เครื่องกรองน้ำ วาล์ว ข้อต่อ อุปกรณ์ภายในสระ อุปกรณ์ดูแลสระ อุปกรณ์ตกแต่งสระ และรับสร้างสระสำเร็จรูประบบเกลือที่ใช้เวลาเพียง 14 วัน ในรูปทรงที่ลูกค้าต้องการ มีลูกค้าทั้งโรงแรม โครงการอสังหาริมทรัพย์ และบ้านส่วนตัว”
– บริษัท แอลไลน์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ชำนาญการด้านน้ำยาทำความสะอาดซักรีดและฆ่าเชื้อ สำหรับผ้าในโรงพยาบาล
“เราให้บริการซักอบรีดเกี่ยวกับโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการทำความสะอาดรูปแบบหนึ่งที่ต้องการความเข้มข้นกว่าปกติ เพราะต้องฆ่าเชื้อโรค ชำระล้างคราบเลือด คราบหนอง ที่จะต้องใช้เคมีพิเศษ ตัวอย่างของลูกค้าในธุรกิจนี้ของเรา คือ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์”
วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือ หัวใจ
คุณวีระพงค์ บอกว่า “ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าสำหรับการทำความสะอาดเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้จะเปลี่ยนไม่เร็วนัก แต่ทุก 2-3 เดือนหลังจากใช้งาน หากมีปัญหาก็จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ไปให้ลูกค้า โดยตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา ได้ผลิตสินค้ามากกว่า 200 รายการ ด้วย R&D ของบริษัทเอง ปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ชนิดน้ำ 1,200 ตันต่อเดือน และผลิตภัณฑ์ชนิดผง 400 ตันต่อเดือน ซึ่งน้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาด และน้ำยาซักรีด เปรียบเสมือนบ่อน้ำอมฤตของบริษัทฯ ที่เก็บเกี่ยวยอดขายและผลกำไรได้ต่อเนื่อง โดยมีเครื่องจักรเป็นใบเบิกทาง เพราะเครื่องจักรที่นำเข้ามาจำหน่ายจะไม่สามารถใช้น้ำยาอื่นทดแทนได้ นอกจากน้ำยาที่ออกแบบสูตรให้กับลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ จากรายละเอียดที่ซับซ้อนตั้งแต่การวัดค่า pH ของน้ำที่ใช้แต่ละที่ ซึ่งแตกต่างกัน บางแห่งใช้น้ำประปา บางแห่งยังใช้น้ำบาดาล เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสูงสุด ดังนั้นสินค้านี้ของเราจะไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูปที่ซื้อไปแล้วใช้ได้เลย แต่จะเป็น tailor made สำหรับลูกค้าแต่ละราย ขณะเดียวกันก็ยังติดตั้งเครื่องควบคุมและจ่ายน้ำยาเข้ากับเครื่องซักผ้าของลูกค้าแบบฟรี ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานกับผ้าแต่ละประเภทที่ต้องการสูตรและความเข้มข้นที่แตกต่างกัน โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องสั่งซื้อน้ำยาจากทางบริษัทฯ เท่านั้น”
นับเป็นกลยุทธ์การขายที่ชาญฉลาด ที่ก่อเกิด ‘ภารกิจผูกผัน’ กับลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน หากสินค้าและบริการโดนใจ รายได้และกำไรที่ต้องการจะไปไหนเสีย
ทั้งนี้ขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของแผนก R&D มีความเข้มข้นในหลายด้าน ได้แก่ การปรับปรุงสูตรสินค้ากลุ่มทำความสะอาดที่เป็นสูตรเก่าให้ทันสมัยอยู่เสมอ สอดรับกับความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวกันก็ต้องหาวัตถุดิบทดแทน เพื่อควบคุมต้นทุนสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ ตลอดจนสรรหาสินค้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศเพื่อทดแทนสินค้าเก่า รวมถึงผลิตวัตถุดิบใช้เอง โดยเลือกวัตถุดิบที่มีความสำคัญทั้งในแง่มูลค่าและเทคโนโลยี นอกจากนี้ต้องค้นคว้าวิธีการนำสินค้าไปใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า สะดวก และปลอดภัย และสุดท้ายคือการพัฒนาระบบการใช้งาน ทั้งตัวสินค้า อุปกรณ์ และเครื่องจักร ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้กับลูกค้า
บริการหลังการขาย…ขาดไม่ได้
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้พีรพัฒน์ฯ ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ก็คือ เน้นการให้บริการหลังการขาย เมื่อลูกค้ามีปัญหาเกิดขึ้นจะมีทีมงานตามไปแก้ไขตลอด โดยมีทีมช่างเกือบ 100 ชีวิตทั่วประเทศ คอยให้บริการอย่างเต็มที่ ดังนั้นเพื่อให้การทำงานบริการราบรื่น และทำให้พนักงานสามารถให้บริการลูกค้าได้สมบูรณ์แบบที่สุด พีรพัฒน์ฯ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรด้วยการฝึกอบรมทักษะความเชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งไปฝึกอบรมในต่างประเทศเพื่อนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมานำเสนอให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันเพื่อให้การบริการครอบคลุมและทั่วถึง จึงมีสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงมีศูนย์ธุรกิจในเมืองท่องเที่ยวหลักทั้งหมด รวม 26 แห่ง เช่น กรุงเทพฯ พัทยา ชะอำ สมุย ภูเก็ต หาดใหญ่ และเชียงใหม่ สามารถจัดส่งสินค้าได้ภายในวันเดียว รวมถึงมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ 10 ราย กระจายอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และอินโดนีเซีย เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าพีรพัฒน์ฯ ให้ความสำคัญกับโลจิสติกส์ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในธุรกิจนี้
จาก B2B ต่อยอดสู่ B2C ถึงไม่คุ้นเคยแต่ต้องลองสักตั้ง
COVID-19 โรคอุบัติใหม่ส่งผลต่อลูกค้าประเภทโรงแรมโดยตรง ทำให้พีรพัฒน์ฯ ต้องปรับตัวอย่างทันท่วงที และเรียนรู้ที่จะเปิดตลาดใหม่ จากเดิมที่มุ่งมั่นและช่ำชองในตลาด B2B ก็เริ่มแสวงหาโอกาสจากตลาดที่ไม่คุ้นเคยอย่าง B2C ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรูปแบบต่าง ๆ สำหรับครัวเรือน ที่ลดปริมาณความเข้ม พฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภค ไลน์ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ consumer product ทยอยออกวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะไลน์ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ อินสตาแกรมของบริษัทฯ รวมถึง Shopee Lazada JD Central และ Shop24 ของเซเว่น อีเลฟเว่น ขณะนี้เตรียมนำสินค้าที่มีอยู่ราว 20-30 ตัว ไปวางจำหน่ายใน BentoWeb รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานที่มีอยู่กว่า 450 คน นำสินค้าไปจำหน่ายก่อน เมื่อได้เงินมาค่อยนำมาให้บริษัท และรับส่วนต่างกำไรไป ทำให้พนักงานมีรายได้พิเศษ โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุน
“แต่เดิมเรามีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมืออยู่แล้วแต่มีความเข้มข้นสูง จำหน่ายให้กับผู้ประกอบการ เพื่อนำไปละลายก่อนใช้งานด้วยอัตราส่วนที่กำหนด แต่ใช้ไม่สะดวก ทั้งยังมีราคาแพงเกินความจำเป็นที่จะใช้งานตามครัวเรือน เราจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ผู้บริโภคสามารถใช้ได้เลย เป็นสินค้าแบบ ready to use หรือผสมน้ำเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสินค้าทำความสะอาดและซักรีดอื่น ๆ อีกมากมาย ภายใต้แบรนด์ออกซี่ แวกซ์, กรีน, พิงค์กี้, เอ็นจอย, แวกซ์ แพลตทินั่ม, ไชน์นิ่ง,สกาย , บี-เจล และซานิ แอคทีฟเป็นต้น
“เราต้องแสวงหาโอกาสใหม่ แบ่งแพ็คใหญ่ เป็นแพ็คเล็ก ก่อนหน้านี้เราขาย B2C น้อย เหมือนขายเล่น ๆ แต่ช่วง COVID-19 เราออกสินค้าใหม่เยอะมาก เพราะปรับจากลูกค้าอุตสาหกรรมมายังครัวเรือนมากขึ้น วางแผนจะปั้นเป็นอีกขาหนึ่ง ตั้งคนดูแลโดยเฉพาะ ทำเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น ในส่วนของสูตรก็จะลดความเข้มข้นลง ตอนนี้เรียกว่าโหมหนักเลย เข้าไปในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ และเจาะช่องทางต่าง ๆ ที่เข้าถึงลูกค้าโดยตรงมากขึ้น อย่างในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มีสมาชิกกว่า 12,000 ราย เฉพาะที่เป็นโรงงานมีกว่า 6,000 ราย เราก็จับมือกับแผนกสารสนเทศนำสินค้าที่เกี่ยวกับโรงงานไปโฆษณาในนั้น ส่งตรงถึงผู้บริหารระดับสูงหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อโดยตรง ก็ได้รับการตอบรับดี มียอดสั่งซื้อเข้ามาเรื่อย ๆ”
ธุรกิจที่ใช่ พร้อมตอบโจทย์ New Normal
เป็นที่ทราบกันดีว่าหลายธุรกิจโดน COVID-19 ตีแตกกระเจิง แต่สำหรับพีรพัฒน์ฯ ที่มีบริษัทในเครือหลายบริษัท แม้จะมีบริษัทที่เจาะกลุ่มลูกค้าโรงแรมได้รับผลกระทบโดยตรง เแต่ในภาพรวมถือว่ามีสัญญาณบวก และจากวิถีปฏิบัติใหม่ หรือ New Normal ทำให้คนรู้จักสุขอนามัยมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและคนอื่นมากขึ้น นับป็นผลดีต่อธุรกิจของพีรพัฒน์ฯ ทั้งร้านอาหารและโรงแรมที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ก็ทำความสะอาดมากขึ้น เพิ่มรอบความถี่ในการใช้น้ำยาทำความสะอาดมากเท่าไหร่ ก็ทำให้มีการใช้สินค้าของบริษัทฯ มากขึ้นเท่านั้น และในอนาคตคุณวีระพงค์ก็มั่นใจว่าด้วยพื้นฐานที่ดีของประเทศไทย อย่างไรเสียหากทุกอย่างเรียบร้อย เข้าที่เข้าทาง มีวัคซีนต้านโรคระบาดนี้แล้ว ธุรกิจท่องเที่ยวก็จะกลับมาเบิกบานอีกครั้งอย่างแน่นอน
สำหรับเป้าหมายสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ คือ การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน เช่น เครื่องบำบัดน้ำเสียในโรงแรมเพื่อนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้ประมาณ 80% จากเดิมที่โรงแรม 1 แห่ง อาจใช้น้ำจำนวน 100 คิว ก็จะเหลือซื้อน้ำใหม่แค่ 20% เท่านั้น โดยไม่ต้องเสียค่าบำบัดน้ำเสีย นอกจากนี้ยังเตรียมนำ IoT มาใช้ เพื่อช่วยให้ลูกค้่ารู้ต้นทุนค่าใช้จ่าย โดยบริษัทฯ จะนำเทคโนโลยีนี้มาวางแผนในการใช้ในการผลิต และการจัดส่ง โดยเป็นความร่วมมือระหว่างพีรพัฒน์ฯ กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)