เป็นที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์ COVID-19 อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งภาคการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในรายได้หลักของไทย อย่างไรก็ตามในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศ ยังไม่ได้เปิด 100% แต่หลายประเทศ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนได้พยายามฟื้นการท่องเที่ยวให้กลับมา ด้วยการกระตุ้น “การท่องเที่ยวภายในประเทศ”
อโกด้า (Agoda) เปิดผลสำรวจ GoLocal Survey จัดทำขึ้นใน 8 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย, ไทย, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, ซาอุดิอาระเบีย, เวียดนาม, สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 1,200 คน (ในจำนวนี้ประเทศไทย 200 คน) ในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 เพื่อฉายภาพแนวโน้มของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศหลัก ซึ่งจะเป็นภาพสะท้อนถึงทิศทางการท่องเที่ยวทั่วโลก
พร้อมทั้งเปิดเผยฐานข้อมูลภายใน Agoda ประเทศไทยในช่วงมิถุนายน 2563 เพื่อชี้เทรนด์การท่องเที่ยวในไทยในปีนี้
1. การท่องเที่ยวในประเทศ ความหวังใหญ่ฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก
ผลสำรวจ GoLocal Survey ใน 8 ประเทศระบุว่า ปัจจุบันสัดส่วนการท่องเที่ยว มากถึง 65% มาจากการท่องเที่ยวในประเทศ และอีก 35% เป็นการท่องเที่ยวต่างประเทศ
2. “ประเทศไทย” ท่องเที่ยวในประเทศมาแรง!
เมื่อเจาะลึกใน 8 ประเทศ (จากผลสำรวจ GoLocal Survey) ระหว่างการท่องเที่ยวในประเทศ กับเที่ยวต่างประเทศ พบว่า
- ประเทศไทย: เที่ยวในประเทศมีสัดส่วนสูงถึง 78% ขณะที่เที่ยวต่างประเทศ 22%
- อินโดนีเซีย: เที่ยวในประเทศ 76% และเที่ยวต่างประเทศ 24%
- สหรัฐอเมริกา: เที่ยวในประเทศ 74% และท่องเที่ยวต่างประเทศ 26%
- เวียดนาม: เที่ยวในประเทศ 70% และท่องเที่ยวต่างประเทศ 30%
- ออสเตรเลีย: เที่ยวในประเทศ 63% และท่องเที่ยวต่างประเทศ 37%
- ซาอุดิอาราเบีย: เที่ยวในประเทศ 57% และท่องเที่ยวต่างประเทศ 43%
- เกาหลีใต้: เที่ยวในประเทศ 55% และท่องเที่ยวต่างประเทศ 45%
- ไต้หวัน: เที่ยวในประเทศ 49% และท่องเที่ยวต่างประเทศ 51%
3. นักท่องเที่ยวมองว่าใช้เวลาเดินทางในประเทศ 3 – 4 ชั่วโมง สบายๆ
- 46% ผู้ตอบแบบสอบถาม GoLocal Survey ใน 8 ประเทศ บอกว่าสะดวกเดินทางในประเทศระยะเวลา 3 – 4 ชั่วโมง
- 26% บอกว่าต้องการใช้เวลาเดินทางในประเทศไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- 17% บอกว่าสามารถใช้เวลาเดินทางในประเทศ 5 – 8 ชั่วโมงได้
- 11% บอกว่าสามารถใช้เวลาเดินทางในประเทศมากกว่า 8 ชั่วโมงได้
4. “ทะเล” จุดหมายปลายทางที่คนอยากไปมากสุด ตามมาด้วย “ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ”
- 37% ของผู้ตอบแบบสอบถามใน GoLocal Survey บอกว่าจุดหมายปลายทางที่อยากไปมากที่สุด คือ ทะเล
- 30% ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น ภูเขา
- 16% ท่องเที่ยวในเมือง
5. คนเลือกเดินทางโดยเครื่องบินมากสุด
- 57% ของผู้ตอบแบบสอบถามใน GoLocal Survey ต้องการเดินทางโดยเครื่องบิน
- 28% ขับรถไปเอง
- 7% เดินทางโดยรถโค้ช / รถบัส
- 6% เดินทางโดยรถไฟ
- 2% เรือเฟอร์รี / เรือ
จากแนวโน้มการท่องเที่ยวในภาพรวม คราวนี้มาเจาะลึกเฉพาะในประเทศไทย โดยมาจากผลสำรวจ GoLocal Survey ที่มีการสำรวจในไทย กลุ่มตัวอย่าง 200 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 100 คน และผู้หญิง 100 คน วิเคราะห์ร่วมกับฐานข้อมูลภายในของ Agoda ได้ข้อมูลและสถิติที่น่าสนใจดังนี้
6. จุดหมายปลายทางในประเทศไทยที่มีการเติบโตเร็วเป็นอันดับต้นๆ คือ
- พัทยา
- หัวหิน / ชะอำ
- เขาใหญ่
- กาญจนบุรี
- ระยอง
จากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวในประเทศ คนไทยนิยมไปเที่ยวทะเล ตามมาด้วยท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ และภูเขา
7. จุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศของคนไทย 10 อันดับระหว่าง 1 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2563 (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563) ได้แก่
- กรุงเทพฯ
- พัทยา
- เชียงใหม่
- หัวหิน / ชะอำ
- ภูเก็ต
- เขาใหญ่
- ชลบุรี
- กาญจนบุรี
- กระบี่
- ระยอง
8. จุดหมายปลายทางในประเทศ 10 อันดับที่คนไทยค้นหามากที่สุดระหว่าง 1 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2563 (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563) ได้แก่
- หัวหิน / ชะอำ
- พัทยา
- กรุงเทพฯ
- เขาใหญ่
- เชียงใหม่
- ภูเก็ต
- กาญจนบุรี
- ระยอง
- เกาะกูด
- ชลบุรี
9. คนไทยใช้จ่ายเงินไปกับโรงแรมที่พัก 4 – 5 ดาวมากขึ้น
ข้อมูลของการจองห้องพักบนแพลตฟอร์มอโกด้าพบว่า ได้ขยับการจองโรงแรมที่พักพรีเมียมขึ้น เช่น จากแต่ก่อนจอง 3 ดาว ขยับไปจอง 4 ดาว และจากระดับ 4 ดาว ขยับไปจอง 5 ดาว
เหตุผลส่วนหนึ่งเนื่องจากคนไทยไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวไทยอยากใช้เงินไปกับการจองราคาห้องพักที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายเงินมากขึ้นกับการพักในโรงแรม 4 – 5 ดาว เป็นเทรนด์ชั่วคราว เพราะเมื่อไรที่เปิดประเทศ และการเดินทางระหว่างประเทศเริ่มกลับมา คนจะใช้เงินกับการท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น
10. คนไทยนิยมจองห้องพักล่วงหน้า 0 – 3 วัน และให้ความสำคัญ “ความสะอาด – สุขอนามัย” มากกว่าราคาห้องพัก
คนไทยนิยมจองห้องพักล่วงหน้า 0 – 3 วัน โดยส่วนใหญ่เป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดยาว
ขณะเดียวกันCOVID-19 ทำให้ความต้องการจองที่พักเปลี่ยนไป โดย 3 ปัจจัยที่นำมาใช้พิจารณา คือ
- ปัจจัยแรก ความปลอดภัยสำคัญที่สุด โดย 52% ของคนไทยบอกว่าความสะอาด และสุขอนามัย สำคัญกว่าราคาห้องพัก และ 43% ของคนไทยคาดหวังให้ทางที่พักทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคในห้องพักทุกวัน
- ปัจจัยที่สอง ความยืดหยุ่นในการยกเลิกห้องพักได้ เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ COVID-19 ยังไม่สิ้นสุด และไม่แน่นอน ดังนั้นการจองที่พักส่วนใหญ่เป็นการจองล่วงหน้า ซึ่งไม่มีใครทราบได้ว่าเมื่อถึงวันที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว จะเกิดสถานการณ์อะไร ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้น ผู้บริโภคจะสามารถยกเลิกการจองได้
- ปัจจัยที่สาม คุ้มค่าคุ้มราคา เป็นปัจจัยการพิจารณาเลือกที่พักอยู่แล้ว แต่จากสภาวเศรษฐกิจซบเซา ทำให้ผู้บริโภคต้องการราคาที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
11. คนไทยสะดวกใช้เวลาเดินทาง 3 – 4 ชั่วโมง
ระยะเวลาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย พบว่า
- 41% ของคนไทยสะดวกเดินทางในระยะเวลา 3 – 4 ชั่วโมง
- 36% เลือกเดินทาง 2 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้น
12. คนไทย เลือกเดินทางด้วย “รถยนต์ส่วนตัว” มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
รูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย พบว่า
- 50% เลือกเดินทางด้วยเครื่องบิน
- 41% เลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยสูงที่สุดในบรรดาประเทศ/เขตปกครองตนเองที่ถูกสำรวจทั้งหมด และมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกเกือบสองเท่า (28%)
13. “ท่องเที่ยวเมืองรอง” ได้รับความนิยมมากขึ้น
หลังจากประเทศคลาย Lockdown และคนไทยท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ส่วนใหญ่ยังเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองหลัก เช่น พัทยา, หัวหิน / ชะอำ, ระยอง, ภูเก็ต, เชียงใหม่ แต่ปัจจุบันพบว่าได้ขยายจากการท่องเที่ยวเมืองหลัก ไปสู่การท่องเที่ยว “เมืองรอง” มากขึ้น เช่น นครศรีธรรมราช, นครนายก, อุดรธานี, จันทรบุรี
เหตุผลที่ “เมืองรอง” ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวแสวงหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่าง ดังนั้นจึงเริ่มหาสถานที่ที่ตัวเขาเองไม่เคยได้ไป
14. อโกด้า คาดการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไตรมาส 4/2563 ยังคงไม่ต่างจากสถานการณ์ไตรมาส 3
นั่นคือ การท่องเที่ยวในประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มการเข้ามาของนักท่องเที่ยววต่างประเทศ ยังไม่ชัดเจน ซึ่งเหตุผลสำคัญต้องมาจากนโยบายรัฐบาลด้วยเช่นกัน
15. ประเทศไทย ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
จากข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้งาน agoda.com ทั่วโลก ชี้ว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่คนค้นหามากที่สุดเป็นอันดับ 2 สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวจนถึงสิ้นปี 2563
นอกจากนี้ ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 ของนักเดินทางที่เดินทางเป็นครอบครัว และยังอยู่ในอันดับ 3 ของนักเดินทางที่เดินทางเป็นกลุ่ม และเดินทางคนเดียว