“ยูซิตี้” ในเครือบีทีเอส กรุ๊ป ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ “เนชั่น มัลติมีเดีย” ขายหุ้นทิ้งเกลี้ยงพอร์ต 9.99% หันโฟกัสธุรกิจหลักลงทุนอสังหาฯ
บริษัท ยูซิตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “NMG” ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2563 มีจำนวน 406,390,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.99% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ NMG
โดยได้แจ้งตลาดฯ ว่าเนื่องจาก ยูซิตี้ ได้ปรับแผนการลงทุนและพัฒนาของบริษัท โดยมุ่งเน้นในทรัพย์สินหลักของบริษัทก่อน คือ การลงทุนและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลากหลายทั้ง โรงแรม อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันจึงได้พิจารณาทบทวนแผนการลงทุนในหุ้น NMG ซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินหลักของบริษัท
ดังนั้นในวันนี้ (22 ต.ค.) ยูซิตี้ จึงได้ลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายเพื่อขายหุ้น NMG ทั้งหมดที่บริษัทถือครองให้แก่ ผู้จะซื้อ (ซึ่งไมใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน) โดยมีมูลค่าซื้อขายจำนวน 69,086,300 บาท หรือคิดเป็นราคาซื้อขายหุ้นละ 0.17 บาท (ซึ่งเป็นราคาซื้อขายสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนเป็นการชั่วคราว (SP) ของหุ้น NMG โดยคาดว่าจะดำเนินการโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่ผู้จะซื้อแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธันวาคม 2563
“เนชั่น มัลติมีเดีย” เป็นผู้ดำเนินธุรกิจสื่อทีวี สิ่งพิมพ์ อีเวนท์ และออนไลน์ มีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง หลังจากเข้าไปลงทุนทีวีดิจิทัลในปี 2557 จากการประมูลใบอนุญาตมา 2 ช่อง คือ ช่องข่าวเนชั่นทีวี และ NOW26 ก่อนที่จะคืนใบอนุญาตช่อง NOW26 ในปี 2562
ขณะที่ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ต้องเจอกับกระแสดิสรัปชั่น ทำให้ต้องปิดสื่อสิ่งพิมพ์ ทั้งหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษ เดอะเนชั่น อายุ 48 ปี ในเดือนมิถุนายน 2562 และหนังสือพิมพ์รายวัน คมชัดลึก อายุ 18 ปี ในเดือนเมษายน 2563 รวมทั้งนิตยสาร เนชั่นสุดสัปดาห์ โดยทั้งหมดปรับตัวสู่แพลตฟอร์มออนไลน์
ขณะที่หนังสือพิมพ์รายวัน “กรุงเทพธุรกิจ” มีการยกเลิกพิมพ์วันเสาร์-อาทิตย์ และลดจำนวนหน้าลง เพื่อลดต้นทุนการพิมพ์ และหันมาเน้นการทำสื่อออนไลน์มากขึ้น
ตามดูผลประกอบการ เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ย้อนหลัง 4 ปี จากขาดทุนหลักพันล้านบาทเริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- ปี 2559 รายได้ 2,183 ล้านบาท ขาดทุน 1,102 ล้านบาท
- ปี 2560 รายได้ 1,890 ล้านบาท ขาดทุน 2,156 ล้านบาท
- ปี 2561 รายได้ 2,672 ล้านบาท กำไร 215 ล้านบาท
- ปี 2562 รายได้ 1,812 ล้านบาท กำไร 20 ล้านบาท