วีโร่ ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานใน 4 เมืองใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และเมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เผยยอดพนักงานในเอเจนซี่แตะ 100 คนในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่มีการเติบโตระดับภูมิภาคสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2550 พร้อมแสดงความขอบคุณและสนับสนุนบุคลากรด้วยโปรแกรมสุขภาพรูปแบบใหม่เพื่อรับมือกับความท้าทายทางด้านสุขภาพกายและใจของไลฟ์สไตล์การทำงานในเอเจนซี่ เพื่อให้ความสำคัญแก่สุขภาพพนักงาน โปรแกรมสุขภาพของวีโร่ได้แก่การบริการให้คำปรึกษาและการบำบัดโดยผู้เชี่ยวชาญแก่พนักงาน และพนักงานยังสามารถลาหยุดพิเศษได้ 1 ครั้งต่อไตรมาส รวมถึงมื้ออาหารและของว่างสุดเฮลตี้อย่างน้อยสองครั้งต่อสัปดาห์อีกด้วย
การทำงานในเอเจนซี่ อาจทำให้เกิดความเครียดจากการทำงานภายใต้ข้อจำกัดของเวลา แรงกดดันจากความต้องการของลูกค้า และการทำงานหลายอย่างไปพร้อมๆ กันเพื่อให้เสร็จทันตามกำหนด ซึ่งเป็นประเด็นที่แพร่หลายมากขึ้นในวงการพีอาร์ระดับโลก เห็นได้จากการเปิดตัว คู่มือดูแลสุขภาพจิต (Mental Health Toolkit) ในปีพ.ศ. 2560 โดย PRCA เครือข่ายองค์กรนักประชาสัมพันธ์มืออาชีพที่ใหญ่และทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก นอกจากนี้รายงานของ PRCA ร่วมกับ Opinium ในปี 2562 พบว่า 89% ของนักประชาสัมพันธ์มืออาชีพต้องเผชิญกับปัญหาทางสุขภาพจิตในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักเกิดจากปริมาณงาน กำหนดส่งงานที่กระชั้นชิด และความต้องการของลูกค้า รวมถึงอีกหนึ่งสาเหตุล่าสุดคือการรับมือกับความท้าทายจากการทำงานที่บ้านหรือ Work From Home ในช่วงโควิด-19
ปัจจัยของความเครียดเหล่านี้อาจทำให้พนักงานได้รับผลกระทบในหลายๆ ด้านตั้งแต่ปัญหาระดับรุนแรง เช่น ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และการใช้สารเสพติด ไปจนถึงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เช่น ภาวะอดนอน หรือการเสียสมดุลของงานกับการใช้ชีวิตหรือ Work-Life Balance ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสุข ประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพชีวิตโดยรวม
นางสาวภัทร์นีธิ์ จีริผาบ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสารของวีโร่ กล่าวว่า “ในฐานะเอเจนซี่ งานที่ออกมาทั้งหมดเป็นผลจากความทุ่มเทของพนักงาน เราจึงอยากให้การสนับสนุนพนักงานของเราทุกคนทั้งทางกายและทางใจ ในบางครั้งหลายคนยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพจิตอยู่ แต่เราเข้าใจว่าปัญหาส่วนตัวอาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่หลายๆ คนกำลังต่อสู้กับความเครียดและการอยู่คนเดียวจากวิกฤตการณ์โควิด-19 และนี่คือเหตุผลที่โปรแกรมสุขภาพของเราเน้นให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตเป็นหลัก เพราะความอ่อนล้าทางใจและความเครียดมักถูกมองข้ามอยู่เสมอ วีโร่จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพนักงานที่ต้องการความช่วยเหลือในจุดนี้ได้ เราหวังว่าโปรแกรมนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเอเจนซี่อื่นๆ ในภูมิภาค ให้พวกเขาตระหนักถึงปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นจากอาชีพนี้ และให้การสนับสนุนคนที่ต้องการความช่วยเหลือ”
โปรแกรมสุขภาพของวีโร่จะช่วยให้พนักงานสามารถติดต่อกับที่ปรึกษา โค้ช รวมถึงแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถให้การสนับสนุนเฉพาะบุคคลทั้งในภาษาท้องถิ่นและภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นแบบตัวต่อตัวหรือทางออนไลน์ โดยหน่วยงานจะสำรองเงินจากงบประมาณประจำปีของภูมิภาคเพื่อนำมาสนับสนุนค่าบริการให้คำปรึกษาเหล่านี้ โดยจะได้รับการจัดสรรตามความจำเป็น และที่สำคัญอย่างยิ่ง การใช้บริการและทรัพยากรเหล่านี้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับระหว่างตัวพนักงานกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลของวีโร่เท่านั้น
นอกจากนี้วีโร่ยังอนุญาตให้พนักงานลาหยุดพิเศษหนึ่งวันในทุกๆ ไตรมาสเพื่อให้ความสำคัญแก่สุขภาพของตน ซึ่งเป็นวันหยุดที่ไม่ถูกหักเงินเดือนและแยกจากวันหยุดพักผ่อนประจำปี เพื่อใช้เวลาผ่อนคลายความเครียด โดยสามารถบอกล่วงหน้าได้ทุกเมื่อและไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผลในการใช้วันลาใดๆ และหัวหน้าทีมภายในบริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบให้แน่ใจว่าสมาชิกในทีมทุกคนได้ใช้วันหยุดเหล่านั้นได้ เพราะร่างกายที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่นำไปสู่จิตใจที่แข็งแกร่ง สำนักงานของวีโร่ในแต่ละประเทศจึงริเริ่มจัดหาของว่างหรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างน้อยสองมื้อต่อสัปดาห์ สำหรับผู้ที่ทำงานจากที่บ้านทางบริษัทก็มีบริการจัดส่งอาหารให้ โดยเบื้องหลังแนวคิดนี้คือการผลักดันให้พนักงานหลีกเลี่ยงอาหารขยะและการบริโภคแคลอรี่ที่ขาดคุณค่าทางอาหารโดยนำเสนอสิ่งที่มีประโยชน์ให้แทน เช่น เมนูอาหารของสำนักงานวีโร่ในนครโฮจิมินห์จะมีสลัดและเมนูออร์แกนิกจากร้านอาหารมังสวิรัติท้องถิ่นมาให้เลือกทานกันด้วย
นายราฟาเอล แลชเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของวีโร่ กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสที่จำนวนพนักงานของวีโร่มียอดแตะ 100 คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราต้องการฉลองความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้อย่างดีที่สุดด้วยการหาวิธีที่จะสนับสนุนบุคลากรของเราอย่างสุดความสามารถ แม้หลายสิ่งต่างๆ กำลังเปลี่ยนแปลงไป แต่ความกลัวและหลีกเลี่ยงการพูดถึงความท้าทายด้านสุขภาพจิตยังคงมีอยู่ในหลายวัฒนธรรม ส่งผลให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตไม่สามารถหาศึกษาได้อย่างแพร่หลายมากนัก รวมถึงสังคมยังมีความลังเลที่จะศึกษาและใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลและความรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ วีโร่พยายามทลายกำแพงความกลัวเหล่านั้นลงโดยแสดงให้ทีมของเราเห็นว่าการดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากกว่าเป็นเรื่องน่าอาย และเราพร้อมอยู่เคียงข้างทุกคนที่พยายามเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุด”