“137 ดีกรี” ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์นมทางเลือกเพื่อสุขภาพสัญชาติไทย เปิดเกมรุกเต็มพิกัดวางตลาด 2 กลุ่มรวด ชูความโดดเด่น “อร่อย 2 เท่า ประโยชน์ 2 ต่อ” ทั้งกลุ่มนมอัลมอนด์สูตรมอลต์ และผัก, กลุ่มนมข้าวโพด พร้อมแจ้งเกิดแบรนด์น้องใหม่ “โฮลี่นัทส์” (Wholly Nuts) นมอัลมอนด์สูตรใหม่ ดื่มง่าย ตอบโมจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพ ทุ่มงบเกือบพันล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตคุมคุณภาพทุกขั้นตอนด้วยมาตรฐานการผลิตระดับโลก ดันยอดขายปี 2564 เติบโตสองเท่าจากปี 2563
นางสาวอริสา กุลปิยะวาจา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมทางเลือกเพื่อสุขภาพแบรนด์แรกของไทย “137 ดีกรี” (137 degrees) เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการบุกเบิกตลาดผลิตภัณฑ์นมจากถั่วอัลมอนด์ระดับพรีเมียมตั้งแต่ปี 2558 และก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์นมทางเลือกเพื่อสุขภาพ 3 กลุ่ม รวม 7 รสชาติ ประกอบด้วย 1.กลุ่มนมอัลมอนด์ 3 รสชาติ ได้แก่ นมอัลมอนด์สูตรดั้งเดิม, นมอัลมอนด์สูตรอันสวีทเทนด์และนมอัลมอนด์ สูตรกาแฟลาเต้ กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มนมวอลนัท 2 รสชาติ ได้แก่นมวอลนัทรสดั้งเดิมและนมวอลนัท สูตรมัทฉะชาเขียวและ และกลุ่มนมพิสตาชิโอ 2 รสชาติ ได้แก่นมพิสตาชิโอรสดั้งเดิมและนมพิสตาชิโอ สูตรช็อคโกแลต เบลเยี่ยม โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ 50% และอีก 50% ส่งออกไปยัง 5 ทวีป ครอบคลุมกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
บริษัทฯ มีนโยบายในการพัฒนานวัตกรรมในการผลิตสินค้าใหม่ที่ให้คุณประโยชน์และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทั้งกลุ่มคนทำงาน นักศึกษา แม่บ้าน ผู้สูงอายุ รวมถึงกลุ่มผู้รักสุขภาพทั่วไป โดยล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ “137 ดีกรี” (137 degrees) พร้อมกัน 2 กลุ่ม โดยในกลุ่มนมอัลมอนด์ ได้เพิ่มสูตรมอลต์และผัก 3 รสชาติ ได้แก่ นมอัลมอนด์สูตรมอลต์ , นมอัลมอนด์ สูตรแครอทและผักรวม และ นมอัลมอนด์ สูตรอโวคาโดและผักรวม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการนำผักสดมาผสมกับนมอัลมอนด์ พร้อมแตกไลน์สินค้ากลุ่มใหม่คือ กลุ่มนมข้าวโพด 3 รสชาติ ได้แก่ นมข้าวโพดสูตรดั้งเดิม, นมอัลมอนด์ สูตรผสมนมข้าวโพดและ นมข้าวโพด สูตรซุปผสมผักรวม ซึ่งให้ประโยชน์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวนมอัลมอนด์ภายใต้ แบรนด์ใหม่ “โฮลี่นัทส์” (Wholly Nuts) ซึ่งเป็นสูตร Clean & Lean เน้นรสชาติที่ดื่มง่ายและในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 กลุ่มมีให้เลือก 2 ขนาดคือ ขนาดบรรจุ 180 มิลลิลิตร และ 1,000 มิลลิลิตร (1 ลิตร) วางจำหน่ายทั้งช่องทางออนไลน์ รวมทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ
“ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ ถือเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ผลิตนมอัลมอนด์เข้าสู่ตลาด และเป็นบริษัทแรกในโลกที่ผลิตนมจากพิสตาชิโอ อีกทั้งยังเป็นบริษัทแรก ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผลิตนมวอลนัท โดยภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้บริโภคหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ และมีเวลาในการศึกษาข้อมูลสิ่งที่ตัวเองบริโภคมากขึ้น ประกอบกับสื่อโซเชียลที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายตลาดด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสุขภาพออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ได้ต่อยอดจากสินค้าเดิมด้วยการนำนมอัลมอนด์ซึ่งเป็นสินค้าขายดีมาผสานกับคุณค่าของผักและมอลต์ที่ให้รสชาติดี พร้อมคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน ด้วยความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ อร่อย 2 เท่า ประโยชน์ 2 ต่อ รวมถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีคุณภาพเป็นรายแรกของตลาดเพื่อตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพที่มีไลฟ์สไตล์ความชอบค่อนข้างหลากหลาย” นางสาวอริสา กล่าว
นางสาวอริสา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายที่ต้องการเน้นเรื่องของการควบคุมคุณภาพเป็นหลัก บริษัทฯ จึงได้ใช้งบประมาณเกือบพันล้านบาท ในการลงทุนก่อสร้างโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี โดยเริ่มเดินเครื่องผลิตมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ด้วยการให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งปลูกถั่วที่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ ผ่านกรรมวิธีการคั้นสดที่ทันสมัย จนถึงกระบวนการบรรจุด้วยเทคโนโลยีตามมาตรฐานการรับรองระบบคุณภาพ GMP, HACCP, BRC, ISO 22000,FSSC 22000 และ USFDA ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ พร้อมทั้งมุ่งเน้นกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพันธมิตรด้านช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งบริการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าทั่วไป การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าตลอดทั้งปีเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมการบริโภคสินค้าจากทั่วโลก
“ปี 2562 ตลาดนมทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากถั่วเปลือกแข็งมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าปี 2563 จะขยายตัวต่อเนื่องอีกกว่า 10% เนื่องจากยังมีเซ็กเมนต์ค่อนข้างเล็กจึงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งสินค้าแบรนด์ 137 ดีกรีเป็นกลุ่มพรีเมียมที่มีจุดแข็งคือ การสร้างความแตกต่าง โดยเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ใช้ถั่วคุณภาพสูงเป็นวัตถุดิบ คั้นสดจากถั่วเต็มเมล็ด ไม่เติมน้ำตาล ปราศจากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล ไม่มีสารกันบูด และการันตีด้วยตราสัญลักษณ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณค่าทางอาหารได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับในช่วงแรกที่เริ่มสร้างแบรนด์ เราใช้วิธีโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยเปิดเฟซบุ๊กเพจ 137 degrees เพื่อเป็นคอมมูนิตี้รักสุขภาพออนไลน์ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้เรื่องสุขภาพ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้กดไลค์แล้วมากกว่า 4 ล้านคน ทำให้สินค้ากลายเป็นที่พูดถึงอย่างรวดเร็วจากฐานลูกค้าที่ชื่นชอบ จนมีการบอกต่อแบบปากต่อปาก ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2563” นางสาวอริสา กล่าวในตอนท้าย