HomeBrand Move !!ร้านกาแฟยังมี Demand สูง! “% Arabica” เปิด Pop-up Store พารากอน – สาขาใหม่เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมรุกอาเซียน

ร้านกาแฟยังมี Demand สูง! “% Arabica” เปิด Pop-up Store พารากอน – สาขาใหม่เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมรุกอาเซียน

แชร์ :

% Arabica Coffee Brand

ในช่วงกว่า 10 ปีมานี้ ธุรกิจร้านกาแฟทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว มีทั้งแบรนด์เดิม รุกขยายสาขา และแบรนด์ใหม่ หนึ่งในนั้นคือ % Arabica” เชนร้านกาแฟชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่เริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2013 ถึงวันนี้ได้ขยายไปยังตลาดนอกญี่ปุ่น โดยปัจจุบันมี 70 สาขาใน 14 ประเทศ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ตลาดสำคัญที่ “% Arabica” วางแผนขยายฐานธุรกิจ คือ อาเซียน โดยมี “ประเทศไทย” เป็นหนึ่งใน Strategic Market ของภูมิภาคนี้

โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เปิดสาขาแรกในไทยที่ ICONSIAM และล่าสุดเปิด Pop-up Store ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ขณะที่ในเดือนธันวาคมนี้ จะเปิดอีกหนึ่งสาขาเต็มรูปแบบที่เซ็นทรัล เวิลด์

% Arabica

 

อุตสาหกรรมกาแฟ โอกาสธุรกิจมหาศาล และพัฒนาการที่เป็นมากกว่าเครื่องดื่มเพื่อ Refreshment

“กาแฟ” เป็น 1 ใน 3 เครื่องดื่มที่คนทั่วโลกนิยมบริโภคมากที่สุด ทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการเพาะปลูกในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก นี่จึงทำให้อุตสาหกรรมกาแฟ ทั้งในฝั่งของการผลิต และการบริโภคมีปริมาณมหาศาล

International Coffee Organization” ประมาณการณ์ว่าในปี 2020 ผลผลิตกาแฟทั่วโลกมีปริมาณ 169.34 ล้านกระสอบ แบ่งเป็นอราบิก้า 95.99 ล้านกระสอบ (ลดลง 5% จากปีที่แล้ว) และโรบัสต้า 73.36 ล้านกระสอบ (เพิ่มขึ้น 1.9% จากปีที่แล้ว)​ ขณะที่ปริมาณการบริโภคทั่วโลก คาดว่าจะอยู่ที่ 167.81 ล้านกระสอบ ลดลง 0.5% เป็นผลมาจากสถานการณ์ COVID-19

แม้จะมีการสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลต่อตลาดกาแฟในภาพรวมก็ตาม ทว่า Demand การดื่มกาแฟยังคงมีอยู่เสมอ

ยิ่งทุกวันนี้ ตลาดกาแฟ ทั้งในฝั่ง Supply และฝั่งผู้บริโภค มีพัฒนาการไปไกล และความซับซ้อนขึ้น โดยคำนึงถึงคุณภาพ และแหล่งปลูกกาแฟ ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตมากขึ้น และไม่ว่าจะเป็นร้านเชน หรือร้านอิสระ ต่างพยายามครีเอทเมนูเฉพาะของตัวเอง เพื่อเป็น Signature ของแบรนด์ ซึ่งมีทั้งเมนูกาแฟ และเมนู Fusion ที่ผสมระหว่างกาแฟ กับเครื่องดื่มอื่น เช่น น้ำผลไม้ ทำให้กา

ขณะเดียวกันทางด้านผู้บริโภค มีความรู้ความเข้าใจด้านกาแฟมากขึ้น โดยไม่ใช่ดื่มเพื่อ Refresh อย่างเดียว หากแต่ยังเป็นการดื่มด่ำกับรสชาติ กลิ่น สัมผัส เรื่องราวของเมล็ดกาแฟ สไตล์ ไปจนถึงความเป็นแบรนด์กาแฟนั้นๆ ด้วยเช่นกัน และทำให้กาแฟ กลายเป็นเครื่องดื่มที่เข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ อยู่ในโมเมนต์ต่างๆ ได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ในยามเช้า หรือยามบ่ายที่เริ่มรู้สึกง่วงเท่านั้น

coffee

 

จาก “ICON SIAM” สู่การเปิด Pop-up Store และสาขาใหม่ ใจกลางกรุงเทพฯ

“ประเทศไทยคือ จุดหมายปลายทางที่มีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และน่าหลงใหลสำหรับภูมิภาคนี้ เพียงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความนิยมในการดื่มกาแฟในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณทั่วประเทศ และได้ถูกหลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวัน

เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้นำความเชี่ยวชาญของเรา ในด้านเทคนิคการชงเครื่องดื่มอันพิถีพิถัน พร้อมกาแฟคุณภาพสูง การให้บริการแบบใส่ใจในรายละเอียด และความงดงามของจิตวิญญาณในแบบฉบับญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทย” มร. เคนเน็ธ โชจิ (Kenneth Shoji) ผู้ก่อตั้ง % Arabica ให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งเปิดสาขาแรกในเมืองไทยที่ ICONSIAM

สะท้อนให้เห็นว่าตลาดไทย คือ หมุดหมายสำคัญของ % Arabica และผ่านไปไม่นาน วันนี้ได้เปิด Pop-up Store ที่สยามพารากอน ให้บริการตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน ยาวจนถึง 6 เดือน

% Arabica

% Arabica เปิด Pop-up Store ที่สยามพารากอน

จุดประสงค์หลักของการตั้ง Pop-up Store ที่สยามพารากอน เพราะต้องการเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อให้สามารถซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งสยามสแควร์ เป็นย่านไลฟ์สไตล์ และทำเลมี Traffic หนาแน่น

สำหรับเมล็ดกาแฟคั่วที่ให้บริการใน Pop-up Store คั่วมาจากสาขา ICONSIAM ส่งตรงมาที่นี่ เช่นเดียวกันเมนูเครื่องดื่มที่ให้บริการ และราคาเหมือนกับที่สาขา ICONSIAM

นอกจากนี้ยังเตรียมจะเปิดอีกสาขาคือ “เซ็นทรัลเวิลด์” ภายในเดือนธันวาคมปีนี้

% Arabica Central World

% Arabica เตรียมเปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์

ส่วนแผนการขยายสาขาในไทย ทาง % Arabica ให้สัมภาษณ์กับ Brand Buffet ว่า การเปิดร้าน % Arabica ในแต่ละสาขา จะลงรายละเอียดทุกอย่าง ทั้งการดีไซน์ร้าน โลเกชั่น และอื่นๆ ประกอบกับที่ผ่านมาเจอสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ขณะนี้ทางบริษัทฯ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเปิดสาขาในไทยกี่แห่ง แต่เรามีความมั่นใจว่า สำหรับเมืองไทยต้องมีร้าน % Arabica หลายสาขา

แนวทางการเลือกโลเกชั่น สำหรับตั้งสาขา “% Arabica” มี 3 หลักเกณฑ์การพิจารณาเลือกสถานที่คือ

1. Culture ของโลเกชั่น, Culture การบริโภคกาแฟ และการใช้ชีวิตของผู้คนในย่านนั้นๆ ว่าสอดคล้องกับแบรนด์ % Arabica หรือไม่

2. บรรยากาศโดยรอบของโลเกชั่นที่จะไปตั้งสาขา ทั้งความสวยงาม มีสไตล์ และดีไซน์ ที่สอดคล้องไปด้วยกันได้กับแบรนด์ “% Arabica”

3. Traffic ผู้คนในโลเกชั่นนั้นๆ

% Arabica ICONSIAM

% Arabica สาขา ICONSIAM (Photo Credit : Facebook % Arabica Thailand)

 

“อาเซียน” ตลาดใหญ่ที่ไม่อาจมองข้าม!

ปัจจุบันมี 70 สาขาใน 14 ประเทศ โดยหลักๆ อยู่ในจีน และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะเดียวกัน “% Arabica” เริ่มขยายมายังภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยขณะนี้เปิดสาขาแล้วใน 4 ประเทศ คือ สิงคโปร์ ประมาณ 4 – 5 สาขา, ฟิลิปปินส์ 3 สาขา, กัมพูชา 1 สาขา และประเทศไทย 1 สาขา กับอีก 1 Pop-up Store และปลายปีนี้ 1 สาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์

นอกจากนี้ภายในปีนี้ หรืออย่างช้าสุดในปี 2564 เตรียมขยายไปยังประเทศมาเลเซีย และภายใต้แผนขยายตลาดอาเซียน ได้เล็งเจาะตลาดเวียดนาม กับอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเวลาการเปิดสาขาที่แน่ชัดว่าจะเป็นเมื่อไร สำหรับอินโดนีเซีย ด้วยความที่เป็นตลาดใหญ่ ในการเปิดสาขา คาดว่าจะเปิดพร้อมกัน 3 – 4 สาขา

% Arabica

 

8 เรื่องน่ารู้ “% Arabica” คลื่นลูกใหม่แห่งวงการกาแฟในตลาดโลก

1. “% Arabica” ก่อตั้งโดย มร.เคนเน็ธ โชจิ (Kenneth Shoji)

เคนเน็ธ โชจิ เกิด และเติบโตในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย

ในช่วงที่ เคนเน็ธ โชจิ อยู่ที่ลอสแองเจลิส เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงรักในเครื่องดื่มกาแฟ ประกอบกับช่วงปี 1990s “Starbucks” เริ่มขยายสาขาไปทั่วสหรัฐฯ ทำให้เขารู้สึกประทับใจในวัฒนธรรมกาแฟแบบใหม่ และบรรยากาศของร้าน ซึ่งในและครั้งที่ไปใช้บริการ Starbucks สาขา Venice Beach เขาจะใช้เวลาไปกับการพูดคุยกับเพื่อน หรือเรียนภายในร้าน

Kenneth Shoji_founder % Arabica

(ซ้าย) มร. เคนเน็ธ โชจิ (Kenneth Shoji) ผู้ก่อตั้ง % Arabica ในปี 2013 เมื่อครั้งเปิดสาขาแรกที่ฮ่องกง (Photo Credit : % Aarbica)

2. % Arabica เริ่มต้นด้วยแรงบันดาลใจจากการค้นพบความต้องการของตัวเอง

หลังจบการศึกษาที่สหรัฐฯ เคนเน็ธ โชจิ ทำงานกับ Trading Company ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อทำธุรกิจ และได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากการทำงานใกล้ชิดกับเจ้าของธุรกิจทั่วโลก ทำให้ได้มุมมองที่มีผลต่อ Mindset ของทั้งด้านการทำงาน และชีวิตของตัวเขาเอง เพราะถึงแม้เจ้าของธุรกิจที่ได้พบเจอ มีฐานะร่ำรวย แต่พบว่าบางคนก็มีความสุข ขณะที่บางคนไม่ได้มีความสุข

ทำให้ เคนเน็ธ โชจิ ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราเป็นใคร ?” และ “ตัวเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน ?”

ในที่สุดได้คำตอบว่า ต้องการใช้ชีวิตเรียบง่าย ติดดิน ต้องการแค่สิ่งจำเป็นพื้นฐานต่อการดำรงชีวิต คือ อาหาร เสื้อผ้า และบ้าน อยากเดินทางท่องเที่ยวกับลูก พร้อมทั้งจัดเตรียมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูก และคำตอบสุดท้ายคือ “กาแฟ”

นี่จึงเป็นเหตุผลของการก่อตั้ง % Arabica

% Arabica

3. ชื่อแบรนด์ % Arabica สะท้อนจุดยืนบนความเรียบง่าย และโลโก้ “%” ปิ๊งไอเดียมาจากแป้นคีย์บอร์ดคอมฯ 

เคนเน็ธ โชจิ เคยให้สัมภาษณ์ลงในเว็บไซต์ % Arabica ว่า ตัวเขาเองชื่นชอบแบรนด์ญี่ปุ่นที่ยอดเยี่ยม เช่น Sony และ Toyota เพราะฉะนั้นเป้าหมายส่วนตัวในการสร้างแบรนด์ของตัวเอง มองถึงการขยายไปทั่วโลก จึงเลือกชื่อที่เรียบง่ายอย่าง Arabica” เหมือนเช่น Sony และ Toyota

ในขณะที่โลโก้ วันหนึ่ง เคนเน็ธ โชจิ มองไปที่เครื่องหมาย %” บนแป้นคียบอร์ดคอมพิวเตอร์ ดูแล้วคล้ายกับผลเชอร์รี่กาแฟ บนกิ่งไม้ จึงตัดสินใจในทันทีว่า จะสร้างแบรนด์ระดับโลกด้วยชื่อ และโลโก้ % Arabica”

ผู้คนที่เห็นแบรนด์ % Arabica” ส่วนใหญ่มักจะเรียกว่า “เปอร์เซ็นต์ อราบิก้า” หรือ “อราบิก้า คอฟฟี่” แต่จริงๆ แล้ว ชื่อแบรนด์เรียกว่า “อราบิก้า” (Arabica) ส่วนการที่ใส่เครื่องหมาย % นั่นคือโลโก้ของแบรนด์

% Arabica logo

ที่มาของโลโก้ % มาจากปุ่มเปอร์เซ็นต์บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ที่มีลักษณะคล้ายกับผลเชอร์รี่กาแฟ (Photo Credit : Facebook Arabica Thailand)

4. แก่นของแบรนด์ อยู่บนความเรียบง่าย อยู่เหนือกาลเวลา

Brand Essence ของร้านกาแฟ % Arabica” ไม่ว่าจะเปิดอีกกี่สาขา ขยายไปกี่ประเทศ มีโปรดักต์ใหม่  ทั้งเมนูให้บริการในร้าน หรือรูปแบบแพ็คกาแฟคั่ว สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อกลับไปทำเองที่บ้าน (In-home Coffee) ยังคงยืนอยู่บน Simple หรือความเรียบง่าย Timeless Drink กาแฟที่อยู่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุค ยังคงอยู่ได้กับทุกยุคสมัย โดยที่รสชาติของกาแฟ มีรสชาติกลางๆ ไม่เข้มเกินไป และใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง

5. ร้านแรกที่ฮ่องกง – เปิด Flagship Store สาขาแรกที่เกียวโต

อันที่จริงแล้ว เส้นทาง % Arabica” ไม่ได้เปิดสาขาแรกที่ญี่ปุ่น หากแต่เริ่มต้นที่ Discovery Bay ในฮ่องกง ปี 2013 ซึ่งต่อมาในปี 2014 ได้ย้ายไปสร้าง Flagship Store ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

และจากการมาเปิดร้านที่โตเกียวนี่เอง ทำให้ชื่อของ % Arabica” เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปัจจุบัน มี 4 สาขาในญี่ปุ่น และขยายไปหลายประเทศทั่วโลก

% Arabica

6. ซื้อไร่กาแฟที่ฮาวาย เพื่อสร้างสรรค์เมล็ดกาแฟคุณภาพดี

เพื่อสร้างสรรค์เมล็ดดกาแฟคุณภาพดีมาให้บริการแก่ลูกค้า เคนเน็ธ โชจิ ตัดสินใจกู้เงิน เพื่อนำไปซื้อไร่กาแฟที่ฮาวาย ร่วมกับการคัดสรรเมล็ดกาแฟจากหลากหลายแหล่งปลูกทั่วโลก

นอกจากนี้ผู้ก่อตั้ง % Arabica ยังได้ทำเทรดดิ้งเมล็ดกาแฟสาร (Green Bean) จากทั่วโลก อีกทั้งเป็นผู้ส่งออกเครื่องคั่วสัญชาติญี่ปุ่น Tornado King Coffee Roaster โดยทางร้าน % Arabica ได้คั่วกาแฟจากเครื่องนี้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน % Arabica ทุกสาขาทั่วโลก จะใช้เครื่องเอสเพรสโซแบรนด์ Slayer ที่ถูกตกแต่งด้วยเกราะไม้สีขาวในสไตล์ % Arabica เข้ากันได้ดีกับการตกแต่งสไตล์ Minimal ของร้าน

% Arabica ICONSIAM

Photo Credit : Facebook Arabica Thailand

7. “See the World Through Coffee” สโลแกนแบรนด์ที่สนับสนุนคนรุ่นใหม่ออกไปสำรวจโลก ตั้งเป้าหมายกับชีวิต และมีความสุขผ่านกาแฟ

ที่ญี่ปุ่นมีคำว่า kenbun : 見聞 หมายถึงการได้เห็น และการได้ยิน ซึ่ง เคนเน็ธ โชจิ มีแนวคิดว่า คนหนุ่มสาวควรออกไปเดินทาง เพื่อได้เห็น – ได้ยินในโลกที่กว้างขึ้น

ดังนั้น % Arabica จึงมีสโลแกน “See the World Through Coffee” มีพื้นฐานมาจากแนวคิดดังกล่าว เพื่อให้แบรนด์ได้เป็นพื้นที่สำหรับบาริสต้ารุ่นใหม่ ได้มองโลก สำรวจโลก แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน ใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุก ตั้งเป้าหมาย และท้าทายโลกด้วยสิ่งที่ตนเองถนัด

เพราะฉะนั้นที่วัฒนธรรมการทำงานที่ % Arabica จะ Rotate บาริสต้าย้ายไปประจำสาขาในแต่ละประเทศที่มีสาขาตั้งอยู่ นั่นหมายความว่าบาริสต้าของ % Arabica จะได้มีโอกาสไปเรียนรู้ – แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ระหว่างเพื่อนบาริสต้าในประเทศต่างๆ

% Arabica

8. เป้าหมายเป็นแบรนด์กาแฟระดับโลกที่ยั่งยืน

เคนเน็ธ โชจิ ให้สัมภาษณ์ในเว็บไซต์ % Arabica ถึงเป้าหมายสูงสุดของแบรนด์ ต้องการเป็นแบรนด์กาแฟระดับโลกที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมกับโลกใบนี้ เพราะในขณะที่ทุกวันนี้แนวโน้มธุรกิจกาแฟเติบโตอย่างรวดเร็ว และการซื้อขายเมล็ดกาแฟต่างใช้วิธีซื้อขาด แต่มรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ห่างไกลจากแนวทางดังกล่าว

ดังนั้น “% Arabica” จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างรอบคอบ ค่อยเป็นค่อยไป และเป้าหมายต่อไปคือ การทำให้ % Arabica เป็นแบรนด์กาแฟที่อยู่เหนือกาลเวลา ดำรงอยู่อย่างยาวนาน โดยที่ยังคงเก็บรักษาความเรียบง่ายของแบรนด์ ทั้งการออกแบบที่ดี และการสร้างสรรค์ Simple Menu แต่เป็นกาแฟที่อร่อย นี่คือเสาหลักของแบรนด์ รวมถึงเปิดโอกาสให้บาริสต้ารุ่นใหม่ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ผ่านเครื่องดื่มกาแฟ

% Arabica

% Arabica ICONSIAM

Photo Credit : Facebook % Arabica Thailand

 

 

Source 

Source

Credit Photo (รูปที่ 3 เก็บผลเชอร์รี่กาแฟ) : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand


แชร์ :

You may also like