โควิด-19 ถือเป็นวิกฤติที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งธุรกิจโรงแรม สายการบิน ต้องเจอกับภาวะ “ขาดทุน” จากนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป “กลุ่มดุสิตธานี” รายได้ 9 เดือนแรกลดลง 47% ขาดทุน 878 ล้านบาท
การจะผ่านปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายและไม่แน่นอนในวิกฤติครั้งรุนแรงนี้ไปได้ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) มองว่าทางรอดสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวโดยรวม ตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอี รวมทั้งชุมชนและท้องถิ่น จะอยู่ภายใต้ 3 โมเดล นั่นคือ การอยู่ได้โดยอาศัยความร่วมมือ (Collaboration) การผสมผสาน (Integration) และการเกื้อกูลกันและกัน (Social Contribution)
เปลี่ยนพนักงาน 2,000 คนเป็นทีมขาย
ในมุมของความร่วมมือ เริ่มตั้งแต่ในองค์กรที่ตอนนี้ได้ทำโครงการ Selling Together, Winning Together เริ่มด้วยการให้พนักงานกลุ่มคอร์ปอเรท ออฟฟิศ ทุกแผนกราว 200 คน ใช้เวลาว่างนอกจากงานประจำ ทำหน้าที่เป็น “พนักงานขาย” เพื่อช่วยแผนกขายอีกแรงและมีอินเซนทีฟให้พนักงานด้วย เริ่มจากแพ็คเกจ Stay With Confidence เดิมวางเป้าหมายยอดขายถึงสิ้นปีนี้ไว้ 5 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าใช้เวลาแค่ 2 สัปดาห์ก็ทำยอดขายได้ 93% ของยอดแล้ว แผนกที่ทำยอดขายสูงสุด 3 อันดับแรกคือ กฎหมาย, การเงิน และไอที
จากความร่วมมือของพนักงานกลุ่มแรกที่ทำได้ดี สเต็ปต่อไปจะให้พนักงานทุกคน ทุกส่วนงานของกลุ่มดุสิตธานี ที่มีจำนวน 2,000 คน ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน ช่าง มาร่วมเป็นทีมขายด้วย เพราะทุกคนจะมีเครือข่ายของตัวเองที่มีโอกาสขายแพ็คเกจห้องพักได้เช่นกัน
“การดึงพนักงานมาช่วยขาย ทำให้รู้ว่าแต่ละคนมีช่องทางการขายที่แตกต่างกัน มีการนำแพ็คเกจไปเสนอขายในเฟซบุ๊กกรุ๊ป มาร์เก็ตเพลส ของมหาวิทยาลัยต่างๆ หรือกรุ๊ปไลน์ พนักงานที่มีเพื่อนเป็นบล็อกเกอร์ ก็ช่วยทำวิดีโอ รายละเอียดแพ็คเกจ ส่วนลดจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ล้วนเป็นช่องทางใหม่ๆ ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้า และมียอดขายเข้ามาเกินคาด”
ส่วนตัวซีอีโอเองก็ช่วยขายเช่นกัน เวลาไปสัมมนางานต่างๆ ก็จะเสนอกรุ๊ปคอร์ปอเรท ล่าสุดทำยอดขายได้ 150 ห้อง กว่า 1 ล้านบาท
ในสถานการณ์โควิดทุกคนรู้ว่าโรงแรมไม่สามารถทำรายได้เหมือนเดิม เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากให้ทีมเซลส์ขายอยู่ฝ่ายเดียวรายได้ก็จะมาจากช่องทางเดียว เมื่อขอให้ทุกคนมาร่วมมือกันช่วยขาย ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี เพราะเป็นสถานการณ์ต้องการการมีส่วนร่วมเพื่ออยู่รอดไปด้วยกัน
ท่องเที่ยวฟื้นกลางปีหน้า
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 ที่มีวันหยุดยาวในเดือนธันวาคม ในต่างประเทศก็เริ่มมีข่าวดีเรื่องวัคซีน ตอนนี้จึงเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเตรียมพร้อมเพื่อรอเปิดประเทศ ปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะทำได้แค่ 7 ล้านคน จากเดิมก่อนโควิดคาดการณ์ไว้ที่ 40 ล้านคน
ส่วนปี 2564 ช่วงครึ่งปีแรกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังเป็นกลุ่มเฉพาะ เช่น การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประเมินว่าครึ่งปีหลังอาจจะกลับสู่การท่องเที่ยวแบบปกติได้ เพราะต้องรอวัคซีน และให้เกิดความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวก่อน ปีหน้านักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ 10-15 ล้านคน
ดังนั้นทั้งปี 2563 และครึ่งปีแรก 2564 ดุสิตธานียังต้องเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวไทย จากเดิมที่มีสัดส่วนต่างชาติ 70% นักท่องเที่ยวไทย 30% เมื่อเกิดโควิดและยังไม่เปิดประเทศ ตลาดไทยจึงมีสัดส่วน 90% โดยทำเลหัวหิน เขาใหญ่ พัทยา ที่สามารถขับรถไปได้ ปัจจุบันมีอัตราเข้าพัก 60-70% แต่ทำเลที่ต้องเดินทางโดยเครื่องบิน ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ อัตราเข้าพักยังต่ำอยู่
ช่วงไตรมาส 4 โดยเฉลี่ยอัตราเข้าพักอยู่ที่ 50% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 อยู่ที่ 40% ส่วนปีหน้าช่วงครึ่งปีหลังเมื่อการเดินทางปกติ อัตราการเข้าพักโรงแรมกลุ่มดุสิต อาจจะทำได้ระดับ 70%
จับมือ Local Alike ปั้นแพ็คเกจหนุนท่องเที่ยวชุมชน
ในช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่เดินทางเข้ามา การจะอยู่รอดได้ จะต้องโฟกัสที่ไปที่ตลาดไทย ปรับรูปแบบการท่องเที่ยวด้วยการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ที่คนทั่วไปยังไม่เคยมาท่องเที่ยว กลุ่มดุสิตธานีจึงทำงานร่วมกับ Local Alike ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคมด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน ในการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ โดยร่วมมือโปรโมทชุมชนที่มีความพร้อมผ่านแพ็คเกจท่องเที่ยว Dusit Local Explorer กับโรงแรมในเครือดุสิตทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะนำเสนอทริปการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งรายได้ของทริปการท่องเที่ยว 70% จะเข้าสู่ชุมชนโดยตรง และอีก 30% จะเป็นการสนับสนุน Local Alike เพื่อนำไปพัฒนาชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
สำหรับแพ็คเกจท่องเที่ยว Dusit Local Explorer ที่ร่วมกับ Local Alike มี 7 เส้นทาง
- กรุงเทพฯ สัมผัสเสน่ห์ของกลิ่นอายโปรตุเกสในชุมชนกุฎีจีน ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำ
- เชียงใหม่ เปิดประสบการณ์วิถีชีวิตชาวไทยภูเขาผ่านกิจกรรมวัฒนธรรมกับชุมชนไทลื้อ
- ภูเก็ต เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนบนเรือแคนูและสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงพร้อมเยี่ยมชมฟาร์มล็อบส์เตอร์ภูเก็ต
- หัวหิน ร่วมกิจกรรมปกป้องผืนป่าแบบท้องถิ่นและสนุกกับการผจญภัยล่องแม่น้ำ
- กระบี่ สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงท้องถิ่นพร้อมกิจกรรมธรรมชาติท่องป่าชายเลน
- พัทยา สัมผัสชุมชนชนบทใกล้พัทยาพร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนา
- เขาใหญ่ ปั่นจักรยานท่องหมู่บ้านเกษตรกรรมเพื่อเรียนรู้การเกษตรแบบยั่งยืน
โดยทุกทริปท่องเที่ยวของ Local Alike สามารถเข้าพักในโรงแรมกลุ่มดุสิตธานี ในทำเลต่างๆ กับแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน สำหรับ 2 ท่าน ราคา 11,000-13,000 บาท (รวมทริปท่องเที่ยว Local Alike) อาหารกลางวันช่วงออกทริป สามารถใช้ส่วนลดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ในวันที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โควิดนี้ เชื่อว่าการปรับตัวของคนในองค์กรและการร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรต่างๆ จะเป็นทางรอดของการ “อยู่ร่วมกันเพื่ออยู่รอดด้วยกัน”