ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ที่ทำให้รูปแบบ และการเคลื่อนที่ของเงินค่อย ๆ เปลี่ยนไปนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมืออย่าง e-Wallet หรือกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลมีความจำเป็นมากขึ้น เพราะการมี e-Wallet เปรียบได้กับการมีตัวกลางนำพาเงินจากโลก Traditional ขึ้นไปใช้จ่ายบนโลกดิจิทัลได้นั่นเอง
ข้อมูลที่เห็นได้ชัดเจนเป็นงานวิจัยของ Google, Holdings และ Bain & Co.* ที่พบว่าการใช้จ่ายผ่าน e-Wallet ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ที่ผู้บริโภคเข้าไม่ถึงสถาบันการเงิน ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวคาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายผ่าน e-Wallet ในภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 114,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 จากเดิมที่มีมูลค่าประมาณ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 (อ้างอิงจาก https://asia.nikkei.com/Business/Business-Spotlight/China-s-Ant-eyes-Southeast-Asia-e-payment-dominance-with-IPO)
BrandBuffet พามาทำความรู้จัก Toyota Wallet คืออะไร และโอกาสต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากแม่งานครั้งนี้ โตโยต้า ลีสซิ่ง ประเทศไทย
เศรษฐกิจดิจิทัล จุดเปลี่ยนวิสัยทัศน์องค์กร
เมื่อ “เงิน” กำลังหมุนไปอยู่ในเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ เราได้เห็นการตัดสินใจที่รวดเร็วของค่ายโตโยต้า ลีสซิ่ง ประเทศไทย (Toyota Leasing) กับการเปิดตัวโตโยต้า วอลเล็ท (Toyota Wallet) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่ทำให้โตโยต้ามีกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลสำหรับชำระค่าบริการต่าง ๆ ในกลุ่มธุรกิจของโตโยต้าเท่านั้น แต่ในอนาคต บริการดังกล่าวจะขยายให้สามารถใช้งานได้กับพาร์ทเนอร์ของโตโยต้าในระดับโลกได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสเกลที่หลายธุรกิจในไทยยังไม่เคยเข้าถึงได้มาก่อน
คุณอากิฮิโระ ฟุคุโตเมะ ซีอีโอ บริษัท โตโยต้า ไฟแนนเชี่ยล เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า การเปิดตัวโตโยต้าวอลเล็ตนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นประเทศที่สองรองจากญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้า ให้สามารถใช้โตโยต้าวอลเล็ตได้ทั้งในโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า และร้านค้าของพาร์ทเนอร์ ภายใต้วิสัยทัศน์ของโตโยต้าที่ต้องการเปลี่ยนจากบริษัทผลิตรถยนต์สู่องค์กรแห่งการขับเคลื่อน หรือ Mobility Company นั่นเอง ซึ่งคุณอากิฮิโระยังกล่าวด้วยว่า โตโยต้าวอลเล็ตคือ เป็นกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงองค์กรเลยทีเดียว
ยักษ์ x ยักษ์ = Toyota Wallet
เมื่อวิสัยทัศน์ใหญ่ขนาดนี้ จึงต้องมีกับพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่ โดยหนึ่งในพาร์ทเนอร์สำคัญของโตโยต้าวอลเล็ต ก็คือธนาคารไทยพาณิชย์ และแอปพลิเคชัน SCB Easy ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน SCB Easy อยู่มากกว่า 13 ล้านราย เพียงมีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์และแอปพลิเคชัน SCB Easy ก็สามารถเชื่อมต่อและใช้งานโตโยต้าวอลเล็ตได้เลย และยังสามารถเชื่อมต่อบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเพื่อเติมเงินลงมาในวอลเล็ตได้ทันทีอีกด้วย
ส่วนในแง่การใช้งานกับพาร์ทเนอร์อื่น ๆ ในระดับโลกนั้น ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งโตโยต้าวอลเล็ตพัฒนาขึ้นภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย Payment Card Industry Data Security Standard เวอร์ชั่น 3.2.1 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลสำหรับผู้ให้บริการที่มีความเกี่ยวข้องกับบัตรเครดิต และการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เวอร์ชั่นล่าสุด ควบคุมดูแลโดยองค์กรอย่าง Payment Card Industry Security Standards Council นั่นเอง
เปิดโอกาสพาร์ทเนอร์ไทยสู่ระดับโลก
นอกจากมุมมองเรื่องการใช้จ่ายแล้ว ในแง่ของธุรกิจอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญของธุรกิจในประเทศไทยที่ต้องการขยายศักยภาพทางการเงินออกสู่ระดับโลกเลยทีเดียว โดยคุณมิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โตโยต้าวอลเล็ตจะเริ่มเปิดให้ชำระผลิตภัณฑ์ของโตโยต้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เข้าร่วมโครงการในปีนี้ ก่อนจะขยายการใช้งานไปยังผู้แทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศในปีหน้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุค New Normal ซึ่งแอปพลิเคชันดังกล่าวจะกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญมากในการขยายศักยภาพของพันธมิตรทางธุรกิจของโตโยต้าในอนาคตอย่างแน่นอน
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียน TOYOTA Wallet ครั้งแรก ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2563
– รับคูปอง Starbucks มูลค่า 100 บาท (จำนวนจำกัด 1,000 สิทธิ์ และรับคูปองผ่าน E-mail ที่ลงทะเบียนเท่านั้น)
– ส่วนลดบริการหลังการขาย มูลค่า 100 บาท เมื่อชำระค่าบริการภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดที่ศูนย์บริการโตโยต้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยมียอดใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไป
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://toyota-wallet.tlt.co.th หรือ Toyota Wallet Customer Care 0-2660-5500