เป็นผู้ให้บริการ Electronic Payment ชักจะไม่ท้าทาย ล่าสุด ทรูมันนี่ (TrueMoney) ตัดสินใจขยายเซอร์วิสสู่โลกแห่งการลงทุน ด้วยการจับมือกับ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด (บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน) ในเครือบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เปิดตัว “Start Invest” ให้ผู้ใช้งานแอปทรูมันนี่วอลเล็ต (TrueMoney Wallet) สามารถเปิดบัญชีและชำระเงินซื้อขายกองทุนรวมได้ผ่านแอปเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2021 จะมีบัญชีเปิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 600,000 บัญชี หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 15,000 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านการลงทุนนั้น คุณธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนต์ มันนี่ จำกัด บอกว่า มาจากข้อมูลด้านการลงทุนที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2018 ที่พบว่า มีคนไทยเพียง 3.7% ของประชากรทั้งประเทศเท่านั้นที่เข้าถึงการลงทุน หรือเท่ากับว่าอีก 96% ยังไม่เคยมีการลงทุนมาก่อน ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวทำให้เกิดหลาย ๆ ความเสี่ยงตามมา เช่น ในตอนที่ต้องใช้เงินด่วน อาจไม่มีเงินมากพอ จนต้องพึ่งการกู้ยืมนอกระบบ หรือในกรณีที่อายุมาก อาจไม่มีเงินพอเลี้ยงตัว หรือรักษาอาการเจ็บป่วยได้
“เราต้องการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทรูมันนี่เป็นประจำกว่า 15 ล้านราย และส่วนใหญ่ยังไม่เคยลงทุนได้สามารถเข้าถึงการลงทุนได้สะดวกมากขึ้น”
โดยจากการเปิดเผยของผู้บริหารแอสเซนด์ มันนี่พบว่า ผู้ใช้บริการ TrueMoney Wallet ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ นั่นคือ กลุ่ม Digital-Savy, SME และกลุ่ม Underserved ซึ่งในทั้งสามกลุ่มนี้ ประมาณ 80% สามารถซื้อกองทุนรวมได้แล้ว มีเพียง 20% เท่านั้นที่ยังอายุไม่ถึงเกณฑ์ (เป็นนักเรียนนักศึกษา ใช้ TrueMoney Wallet ในการเติมเงินเกม หรือใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเป็นส่วนมาก)
สำหรับการนำเสนอกองทุนรวมบนแอป TrueMoney Wallet พบว่าปัจจุบัน มีกองทุนแล้วมากกว่า 600 กองทุนจาก 10 บริษัทหลักทรัพย์ ประกอบด้วย บลจ.พรินซิเพิล, บลจ.ทาลิส, บลจ.แลนด์ แอนด์เฮ้าส์, บลจ.ไทยพาณิชย์, บลจ.กรุงศรี, บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด, บลจ.วรรณ จำกัด, บลจ.เกียรตินาคินภัทร จำกัด, บลจ.วี จำกัด และบลจ.ทหารไทย โดยรูปแบบการทำงานหลังบ้าน เป็นการเชื่อมเทคโนโลยี e-Wallet ของ TrueMoney เข้ากับบริการ FundConnext ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ส่วนในอนาคต ทางแพลตฟอร์มตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถเสนอขายกองทุนรวมได้จากบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งที่เปิดให้บริการในประเทศไทยด้วย
สำหรับการนำเสนอกองทุนให้ผู้ใช้งาน TrueMoney Wallet เลือกซื้อนั้น จะเป็นการนำเสนอที่ Personalized ตามความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น ต้องการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ลงทุนเพื่อเกษียณอายุ เป็นต้น ส่วนงบประมาณในการลงทุนนั้นพบว่า สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ที่ 1 บาท
คุณณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนไทยจำนวนไม่น้อยเข้าไม่ถึงการลงทุน เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก และต้องเปิดพอร์ตก่อนจึงจะได้รับทราบข้อมูลด้านการลงทุนที่จำเป็นต่อการตัดสินใจ อีกทั้งการเปิดพอร์ตก็ต้องเสียเวลานาน และต้องเซ็นต์เอกสารมากมายหลายขั้นตอน ซึ่งทรูมันนี่ต้องการแก้ไข Pain Point ข้อนี้ให้หมดไป ด้วยการให้ผู้ใช้งาน TrueMoney Wallet สามารถเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้ง่ายขึ้นจากในแอปพลิเคชัน และสามารถซื้อกองทุนต่าง ๆ ได้จากภายในแอปเลย โดยที่ใช้เวลาในการยืนยันตัวตน (e-KYC) ไม่เกิน 10 นาที
ปัจจุบัน TrueMoney เปิดให้บริการ electronic payment แล้วใน 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, กัมพูชา, เมียนมาร์, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยมีผู้ใช้บริการในประเทศไทย 15 ล้านคน ส่วนประเทศอื่นนอกเหนือประเทศไทยพบว่ามีเฉลี่ย 1 – 2 ล้านคน