VF Corporation เจ้าของแบรนด์ Vans, Timberland, The North Face และ Dickies จากสหรัฐอเมริกา ประกาศซื้อกิจการแบรนด์สตรีทแวร์ชื่อดังอย่าง Supreme แล้ว โดยมูลค่าดีลครั้งนี้สูงถึง 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 63,928 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดย James Jebbia ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Supreme ได้ออกมาประกาศว่า รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับบริษัทระดับโลกอย่าง VF Corp ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดังต่าง ๆ มากมาย และนโยบายหลังการควบรวมก็คือทาง Supreme จะยังคงรักษาเอกลักษณ์ และตัวตนของแบรนด์เอาไว้ต่อไป เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ทำให้ Supreme เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
โดย Supreme ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1994 และในปี 2017 ก็มีการลงทุนครั้งสำคัญจากกลุ่ม Carlyle มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มทุนชั้นนำระดับโลกเข้าไปลงทุนในแบรนด์สตรีทแวร์ด้วย การลงทุนครั้งนั้นทำให้มูลค่าของ Supreme ในปี 2017 ขึ้นไปแตะ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ในขณะนั้นมองว่า กลุ่ม Carlyle อาจไม่ได้ต้องการถือหุ้น Supreme เอาไว้นานนัก และจะมีการขายหุ้นออกไปในระยะเวลา 3 – 5 ปีหลังจากลงทุนแน่นอน ซึ่งก็เป็นจริง
ด้าน Steve Rendle ซีอีโอของ VF Corp กล่าวว่า “Supreme สามารถดำเนินงานได้เหมือนที่เคยเป็นมา เพราะเราไม่ได้ต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลง เราต้องการมาเพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือมากกว่า”
โดยหลังการควบรวม Jams Jebbia ผู้ก่อตั้งแบรนด์จะยังคงอยู่กับ Supreme ต่อไป รวมถึงสำนักงานใหญ่ที่จะยังคงอยู่ในนิวยอร์กซิตี้เหมือนเดิมด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ผู้บริหารของ VF Corp บอกด้วยว่า จะไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ (brand collaborations) ของ Supreme อย่างแน่นอน และ Supreme ไม่จำเป็นต้องทำงานร่วมกับแบรนด์ในเครือ VF Corp อย่างเดียว (แม้ว่าก่อนหน้านี้ Supreme จะเคยทำงานร่วมกับ The North Face และ Vans มาแล้วก็ตาม) แต่สามารถไปทำงานร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ ได้ตามสะดวก
ทั้งนี้ ความน่าสนใจจากการลงทุนซื้อ Supreme ของ VF Corp อาจเป็นเรื่องของยอดขายออนไลน์ที่พบว่า Supreme มีส่วนแบ่งรายได้จากโลกดิจิทัลสูงถึง 60% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2020 ที่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ซึ่งหาก VF Corp สามารถถอดรหัสความสำเร็จข้อนี้ของ Supreme ได้ ก็เป็นไปได้ว่าจะทำให้แบรนด์อื่น ๆ ในเครือของ VF Corp สามารถติดปีกและและขยายการเติบโตบนโลกออนไลน์ได้ด้วยเช่นกัน และนั่นอาจทำให้เป้าหมายของ VF Corp ว่าจะเพิ่มรายได้ขึ้นอีก 8 – 10% หลังควบกิจการ Supreme ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงก็เป็นได้