น่าจะเป็นข่าวใหญ่ส่งท้ายปีสำหรับวิบากกรรมที่บริษัทอีคอมเมิร์ซในจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเผชิญ กับการที่อาลีบาบา (Alibaba) กำลังถูกทางการจีนสอบสวนในประเด็นผูกขาดตลาด ส่งผลให้หุ้นของอาลีบาบาในวันคริสต์มาสอีฟตกทันทีถึง 8.1%
หนึ่งในข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นก็คือ การที่อาลีบาบาเรียกร้องให้คู่ค้าที่อยากขายของกับบริษัทต้องจัดสินค้าให้กับแพลตฟอร์มเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งข้อกล่าวหาเดียวกันนี้ อาลีบาบาเคยถูกคู่แข่งอย่าง JD.com ฟ้องร้องมาแล้วเมื่อปี 2017 แต่พบว่าไม่มีการดำเนินการใด ๆ เกิดขึ้นตามมา
ส่วนผู้ค้ารายย่อยบนแพลตฟอร์มก็พบว่าไม่มีทางเลือกมากนัก เห็นได้ Jeffrey Towson ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลของจีนออกมาให้ความเห็นว่า ถ้าพวกผู้ค้ารายย่อยไม่ทำตามที่แพลตฟอร์มต้องการ ก็อาจถูกคิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม หรือไม่ก็ลดการแชร์ข้อมูลลูกค้าให้ทราบ ทำให้พวกเขาแข่งขันได้ยากขึ้น
แต่กรณีของอาลีบาบาอาจเป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง เพราะความเคลื่อนไหวของหน่วยงานภาครัฐในจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ มีความเข้มข้นอย่างมาก เห็นได้จากหน่วยงานต่าง ๆ ของจีนได้มีการออกกฎหมายใหม่ ซึ่งกฎหมายเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการดำเนินการของบริษัทเทคโนโลยีทั้งในอุตสาหกรรมการเงิน และมีเดีย ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์จากฟากญี่ปุ่นให้ความเห็นว่า ช่วงเวลาแสนสุขของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีนน่าจะใกล้หมดลงเต็มที เพราะทางการจีนเริ่มมองเห็นถึงปัญหา และมองว่าถึงเวลาที่จะลงมาควบคุมการทำธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
หนึ่งในหลักฐานก็คือ เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อาลีบาบาและเท็นเซนต์ถูกทางการจีนสั่งปรับเป็นเงิน 500,000 หยวน (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) เนื่องจากอาลีบาบาไปลงทุนใน Intime Retail ซึ่งเป็นเชนห้างสรรพสินค้าในระหว่างปี 2014 – 2018 โดยไม่แจ้งให้หน่วยงานภาครัฐทราบ ส่วนเท็นเซนต์ที่โดนปรับนั้นพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับการควบกิจการของสองแพลตฟอร์มเกมสตรีมมิ่งออนไลน์อย่าง Huya Inc กับ DouYu International โดยไม่รอให้ทางการจีนอนุมัติเสียก่อน ซึ่งสองบริษัทเกมนี้มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากกว่า 80% ของจีนนั่นเอง
ยังดีที่การปรับเกิดขึ้นในปีนี้ เพราะในปีหน้า จะมีการปรับกฎหมายป้องกันการผูกขาดของจีนออกมาใหม่ ซึ่งค่าปรับสูงสุดจะกระโดดขึ้นไปเป็น 10% ของรายได้บริษัท นั่นหมายความว่า บริษัทมีสิทธิเสียค่าปรับเป็นเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐได้เลยทีเดียว
หุ้นบ.เทคโนโลยีจีนปรับตัวลดลง
ไม่แปลกที่ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นกับอาลีบาบานี้ กระทบถึงหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ให้ปรับตัวลดลงไปตามๆ กัน โดยบริษัทอย่าง Meituan, Tencent และ JD.com ต่างก็มีมูลค่าหุ้นลดลง 2 – 3% ทั้งสิ้น
ส่วนสื่อของทางการจีนอย่าง People’s Daily บอกว่า การสอบสวนที่เกิดขึ้น (กับอาลีบาบา) ไม่ได้หมายความว่า ทางการจีนไม่สนับสนุนแพลตฟอร์มเหล่านี้ แต่เป็นการทำเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ ประกอบกับเป้าหมายสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2021 ตามการรายงานของสำนักข่าวซินหัวก็คือการต่อต้านการผูกขาด และการป้องกันการเคลื่อนย้ายของเงินทุนที่ไม่เหมาะสม
สาเหตุที่ทางการจีนตั้งเป้าหมายไว้เช่นนั้น อาจเป็นเพราะการหยั่งรากของสามพี่น้องค้างคาวอย่าง อาลีบาบา เท็นเซนต์ และไป่ตู้ (Alibaba, Tencent, Baidu : Baidu) ที่ฝังลึกลงในตลาดจีนจนทำให้แพลตฟอร์มของพวกเขามีผู้ใช้งานมากกว่าหนึ่งพันล้านคน และทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากขยายกิจการแล้ว ทั้งอาลีบาบา เท็นเซนต์ และไป่ตู้ ยังนำเงินที่ได้มาไปซื้อกิจการสตาร์ทอัพต่างๆ มากมาย ซึ่งภาพนี้ทำให้บริษัทน้องใหม่อย่าง Pinduaduo, Meituan, JD.com, DiDi Chuxing, Bytedance ที่เติบโตขึ้นมาทีหลัง เลือกเจริญรอยตามพี่ใหญ่ในวงการด้วยการซื้อกิจการของคนอื่นเช่นกัน และการทำธุรกิจเช่นนี้เองที่อาจเป็นการผูกขาดการค้า และทำให้บริษัทรุ่นหลังเติบโตได้ยาก ปรากฎการณ์เหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีวิสัยทัศน์จะเป็นกังวล