เพราะเชื่อว่าการตอบแทนสังคมด้วยการให้โอกาส เป็นพลังเล็กๆ ที่สามารถส่งต่อไปได้ไม่สิ้นสุด เมื่อผนวกกับความเชื่อในพลังที่มีอยู่ในตัวเยาวชนและคนไทยทุกคน จึงเกิดเป็นโครงการ KING POWER THAI POWER พลังคนไทย กิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่มุ่งนำพลังและความสามารถของคนไทยมารวมกันเพื่อทำสิ่งดีๆ ให้สังคม และสามารถเกิดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่บนเวทีโลกได้ แม้ปัจจุบันโครงการเพื่อสังคมของคิง เพาเวอร์ จะเริ่มต้นได้เพียงกว่า 3 ปี แต่มีโครงการส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนไทยออกมาเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ โครงการ THE POWER BAND ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นเวทีให้คนไทยที่มีใจรักดนตรีได้มีพื้นที่แสดงความสามารถและให้ได้ไปแจ้งเกิดในเวทีระดับโลก
ใช้พลัง “ดนตรี” โชว์ศักยภาพคนไทย จาก TIWSC สู่ THE POWER BAND
หากเราพูดถึง “คิง เพาเวอร์” ต้องยอมรับว่า นอกจากความโดดเด่นในด้านธุรกิจ โดยเริ่มต้นธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีและอากรสาขาแรกในปี 2532 ที่อาคารมหาทุน ปัจจุบันคิง เพาเวอร์มีร้านปลอดอากรกระจายอยู่ทั่วประเทศ แถมยังมีธุรกิจโรงแรมและโรงละคร ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม จากความเชื่อในพลังคนไทยสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ จนเกิดเป็นโครงการเพื่อสังคม KING POWER THAI POWER พลังคนไทย ผ่านการผลักดันกิจกรรมใน 3 ด้านหลัก คือ กีฬา (Sport Power) ชุมชน (Community Power) และดนตรี (Music Power)
“พลังแห่งดนตรี เป็นหนึ่งใน 3 แกนหลักที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์สนับสนุนมาโดยตลอด เพราะเราเชื่อมั่นว่าคนไทยมีฝีมือด้านดนตรีไม่แพ้ชาติใดในโลก เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองเพชร แต่เพชรเหล่านั้นอาจจะยังถูกฝังอยู่ เราต้องการให้เพชรเหล่านั้นเกิดการเจียระไน พร้อมโชว์แสงและศักยภาพในตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ การประกวดที่จัดขึ้น จึงเป็นเวทีให้นักดนตรีรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถด้านดนตรีให้เป็นที่ประจักษ์ ทั้งยังเป็นสปริงบอร์ดไปสู่มืออาชีพและแข่งขันในเวทีระดับสากลได้” คุณอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เล่าความสำคัญของโครงการ THE POWER BAND
นับตั้งแต่ปี 2560 การสนับสนุนด้านดนตรีจึงเกิดขึ้น โดยคิง เพาเวอร์ ร่วมกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย (TIWSC) เพื่อเฟ้นหานักดนตรีที่มีฝีมือและวงดนตรีคุณภาพมาเฉิดฉายในวงการ ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีผู้ที่มีหัวใจดนตรีทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาร่วมแข่งขันกว่า 2,600 คน ในปีนี้จึงต้องการต่อยอดคนที่มีใจรักดนตรีเครื่องเป่าให้ไปไกลกว่าเดิม ด้วยการจัดประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยมผสมเครื่องเป่าประจำปี 2564 ในชื่อ THE POWER BAND ขึ้นเป็นครั้งแรก
“จำนวนนักดนตรีที่เข้ามาประกวดตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันว่าเยาวชนและคนไทยมีความสามารถด้านนี้สูงมาก และสิ่งที่น่าภูมิใจยิ่งกว่าคือ มีคนดนตรีหลายๆ วงที่สามารถต่อยอดไปสู่การประกวดบนเวทีระดับโลก เราจึงอยากสร้างเวทีให้เยาวชนไทยได้แสดงฝีมือ รวมทั้งขยายโอกาสไปสู่วงกว้างให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักเสียงดนตรีหลากหลายได้เข้ามาประกวดเพิ่มขึ้น จึงร่วมกับ ม.มหิดล จัดประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยมผสมเครื่องเป่า ซึ่งเป็นการฟีเจอร์ริ่งระหว่างเครื่องเป่าและวงดนตรีสมัยนิยม เพื่อตามล่าหานักดนตรีไฟแรง มีฝีมือ และ Talent ใหม่ๆ มาประดับวงการ” คุณอภิเชษฐ์ บอกถึงความพิเศษของการประกวดวงดนตรีในปีนี้
พื้นที่แสดงพลังดนตรี โอกาสที่หาไม่ได้ในห้องเรียน
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้คลุกคลีอยู่กับวงการดนตรีมายาวนานและมีส่วนร่วมในการจัดประกวดวงดนตรีมาอย่างต่อเนื่อง บอกว่า การมีพื้นที่ในการแสดงออกเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเยาวชนยุคนี้ เพราะเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในห้องเรียน คนยุคนี้จะเรียนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องได้ประสบการณ์จริง ขณะเดียวกัน โอกาสก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะเห็นได้ว่า น้องๆ หลายคนมีความสามารถและพลังในการสร้างสรรค์ผลงานดนตรีมากมาย แต่สิ่งที่พบคือ ขาดเพียงโอกาส ดังนั้น เวทีนี้จึงเป็นเวทีที่จะผลักดันให้เยาวชนและคนไทยได้แสดงพลังทางดนตรีอย่างเต็มที่ และยังได้รับประสบการณ์และเกิด Motivation ในการฝึกฝนพัฒนาทักษะดนตรีให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
นอกจากความพิเศษของการประกวดครั้งนี้จะอยู่ที่การฟีเจอร์ริ่งระหว่างเครื่องเป่าและวงดนตรีสมัยนิยม การแข่งขันในครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจากผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังงานดนตรี อาทิ นิค-วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้ก่อตั้งค่ายเพลง Genie Records, พล-คชภัค ผลธนโชติ โปรดิวเซอร์มือทองค่ายเพลง Boxx Music, โอ-ทฤษฎี ศรีม่วง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และมิวสิกไดเรกเตอร์ ของวง Jetset’er รวมไปถึง อัครวิชญ์ พิริโยดม หรือ เช่ The Richman Toy และฟองเบียร์-ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน
สำหรับการประกวด THE POWER BAND จะแบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ประเภทบุคคลทั่วไป (Class E) ไม่จำกัดอายุ และสัญชาติ และ 2. ประเภทมัธยมศึกษา (Class F) โดยต้องกำลังศึกษาไม่เกินระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยสามารถสมัครเข้าประกวดได้ที่ www.music.mahidol.ac.th/tiwsc เพียงส่งคลิปไฟล์วีดีโอและเตรียมเพลงสำหรับการประกวดจำนวน 2 เพลง แบ่งเป็น เพลงเร็ว 1 เพลง และ เพลงช้า 1 เพลง ตามเงื่อนไขที่กำหนด เข้ามาให้กรรมการคัดเลือกตั้งแต่วันนี้ – 5 มกราคม 2564 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 02-800-2525 ต่อ 3109 หรือ Facebook : Thailand International Wind Symphony Competition
ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นนักดนตรีไทยได้ไปแสดงศักยภาพและพลังให้โลกรับรู้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับน้องๆ ที่มีฝัน โอกาสมาถึงแล้ว รีบมาพิสูจน์ตัวเองในการประกวด THE POWER BAND กันเลย
#KingpowerThaipowerพลังคนไทย #TIWSC #MusicPower #ThePowerBand