ตำราค้าปลีกแบบเดิมอาจใช้ไม่ได้ผลอีกแล้วในยุคหลัง Covid-19 หลังมีการเปิดเผยผลสำรวจของ Nielsen ที่พบว่า ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังลดการช้อปในร้านค้าแบรนด์ใหญ่ที่คุ้นเคย และหันไปช้อปปิ้งจากร้านเล็ก ๆ ในชุมชน หรือร้านค้าที่ไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อนแทนมากขึ้นเรื่อย ๆ
เรียกว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแท้จริง สำหรับ 2020 เพราะขนาดธุรกิจค้าปลีกที่คาดหวังว่าผู้บริโภคจะกลับมาหลัง Covid-19 ผ่านพ้นไป ก็ยังเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง เหตุที่กล่าวเช่นนี้เพราะมีผลการศึกษาของหน่วยงานที่ชื่อว่า Intelligence Unit ของ Nielsen ในธุรกิจค้าปลีกสินค้ากลุ่ม FMCG ใน 15 ประเทศ และพบว่า อิทธิพลของการเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ในธุรกิจนี้กำลังสั่นคลอน
สิ่งที่ Nielsen พบก็คือ ประมาณ 60% ของร้านค้าที่เคยทำผลงานได้ดีเมื่อปี 2019 มีผลงานต่ำลงในปี 2020 นี้ ส่วนอีก 40% ของร้านค้าที่เคยถูกมองว่าเป็นมวยรองบ่อน ก็พบว่าทำยอดขายได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากการระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ทำให้ผู้คนต้องอยู่แต่ในบ้าน แม้แต่งานก็ต้อง Work From Home แถมหลายคนยังตกงาน ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้การซื้อของเข้าบ้านต้องเปลี่ยนไปด้วย โดย Nielsen ได้โชว์แผนภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงของยอดขายในร้านค้าในนิวยอร์ก ที่พบว่า ร้านค้าขายดีที่เคยกระจุกตัวอยู่ตรงใจกลางเมืองกลับพบว่ามียอดขายลดลง ส่วนร้านค้าที่อยู่ชานเมือง หรือห่างไกลออกไปสักหน่อยกลับพบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 15%
การค้นพบดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ร้านค้าในเขตชานเมืองกำลังกลายเป็นทำเลทองแห่งใหม่สำหรับแบรนด์ FMCG อีกทั้งยังสะท้อนว่า ผู้บริโภคไม่ได้ช้อปปิ้งในพื้นที่ที่แบรนด์คุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว และการที่ผู้บริโภคเข้าไปช้อปในร้านที่มีสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องนี้ บางทีกว่า Covid-19 จะผ่านพ้นไป ผู้บริโภคก็อาจเปลี่ยนใจและไม่กลับมาซื้อสินค้าชนิดเดิมอีกเลยก็เป็นได้
ดังนั้น แบรนด์ที่เข้าใจและใส่ใจตัวเลขเหล่านี้ อาจสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ และคว้าหัวใจของผู้บริโภคเอาไว้ได้ก่อนใครนั่นเอง