เป็นตัวเลขที่ทำเอาหลายคนตกตะลึงได้ไม่ยาก กับมูลค่าของบิทคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลสุดร้อนแรงแห่งยุคที่พุ่งทะลุ 1 ล้านบาท (มากกว่า 32,000 เหรียญสหรัฐ) ไปแล้วเรียบร้อย ไม่เพียงเท่านั้น หากย้อนดูในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มูลค่าของมันยังเพิ่มขึ้นถึง 10% เลยทีเดียว
อะไรทำให้บิทคอยน์ร้อนแรงแซงทุกสกุลเงิน และเติบโตไม่รอใครในช่วงปีใหม่ มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจจาก Nikkei Asian Review บอกว่า ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่เกิดขึ้นในระดับโลก ทำให้เงินของนักลงทุนที่มีอยู่มากมายเต็มไปหมดนั้นเทลงมาในตลาดบิทคอยน์กันอย่างสนุกสนาน
ข้อมูลจาก Coindesk ระบุด้วยว่า การเติบโตของมูลค่าบิทคอยน์เป็นที่จับตาตั้งแต่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อมันก้าวข้ามตัวเลข 20,000 เหรียญสหรัฐมาได้สำเร็จ โดยหากเปรียบเทียบย้อนหลัง ต้องบอกว่า มูลค่าของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 290% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2020 และเพิ่มขึ้นถึง 43% ภายในเดือนธันวาคมเดือนเดียว
ขณะที่การเติบโตของมูลค่าบิทคอยน์ในวันนี้ ทำให้มูลค่าตลาดของบิทคอยน์ในปัจจุบันทะลุ 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปแล้วเรียบร้อย
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บิทคอยน์ร้อนแรงอย่างมากในมุมของ Nikkei Asian Review ก็คือ บิทคอยน์ยังสามารถซื้อขายได้แม้ในวันหยุดปีใหม่ ขณะที่ตลาดหุ้นและพันธบัตรต่าง ๆ ล้วนปิดทำการ ซึ่งกรณีนี้ไม่จำกัดเฉพาะบิทคอยน์ แต่สกุลเงินดิจิทัลอย่าง Ethereum เองก็มีมูลค่าเติบโตขึ้นมากเช่นกัน
ข้อสังเกตประการที่ 3 ของมูลค่าบิทคอยน์ที่ร้อนแรงต่อเนื่องอาจเป็น การประกาศของ PayPal ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินออนไลน์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า จะเริ่มอนุญาตให้ใช้สกุลเงินดิจิทัลจ่ายชำระค่าสินค้าบนร้านค้ากว่า 26 ล้านแห่งได้ในช่วงต้นปี 2021 นี้ ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่า ในอนาคต บิทคอยน์อาจกลายเป็นสกุลเงินที่สามารถใช้จ่ายได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งการที่บิทคอยน์ไม่เชื่อมโยงกับรัฐบาล หรือเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นการเฉพาะ เป็นจุดแข็งที่ทำให้บิทคอยน์กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุนในเวลานี้นั่นเอง (หากมองข้ามประเด็นเรื่องความผันผวนของราคาที่สูงมากไปได้)
ทั้งนี้ จุดเด่นของบิทคอยน์ที่เราทราบกันดีก็คือมันมีจำนวนจำกัด (ที่ 21 ล้านเหรียญ) และมีการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) ดูแล ซึ่งการใช้บล็อกเชนที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลแต่ละบล็อกเข้าด้วยกันจนมีลักษณะคล้ายโซ่นี้ ทำให้บิทคอยน์ยากแก่การเจาะระบบ (โดยใช้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน) ด้วย