HomeBrand Move !!ดีลควบ “Grab-Gojek” ลุ้นไม่ขึ้น? เตรียมจับคู่ใหม่ “Gojek-Tokopedia” สกัด “SEA” เติบโต

ดีลควบ “Grab-Gojek” ลุ้นไม่ขึ้น? เตรียมจับคู่ใหม่ “Gojek-Tokopedia” สกัด “SEA” เติบโต

แชร์ :

gojek tokopedia softbank

จากที่เป็นข่าวลือมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วถึงการจับคู่สตาร์ทอัพสายพันธุ์เดียวกันอย่างแกร็บ (Grab) และโกเจ็ก (Gojek) มาควบกิจการเพื่อลดการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างสองบริษัท มาจนถึงต้นปี 2021 ดูเหมือนว่าจะมีดีลใหม่ที่มีความเป็นไปได้มากกว่าเกิดขึ้นแล้ว กับการควบกิจการระหว่าง Gojek กับโทโคพีเดีย (Tokopedia) สองสตาร์ทอัพสุดฮอตสัญชาติอิเหนา

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ทำไมดีล Gojek x Tokopedia จึงน่าสนใจกว่า Grab x Gojek?

ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า Grab และ Gojek มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก ทั้งเรื่องของ Ride-Hailing, Food Delivery รวมถึงบริการทางการเงิน (Financial Services) แนวคิดเรื่องการควบกิจการของ Grab และ Gojek ที่ถูกจุดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2020 จึงเกิดขึ้นเพื่อหวังลดการแข่งขันระหว่างสองบริษัท หรือก็คือลดการเผาเงินของนักลงทุนให้น้อยลง

แต่หลังจากวิกฤติ Covid-19 มาเยือน เชื่อว่านักลงทุนจำนวนไม่น้อยได้เปลี่ยนแนวคิดที่อยากเห็นการควบกิจการ Grab – Gojek แทบจะทันที เพราะธุรกิจ Ride-Hailing ของทั้ง Grab และ Gojek ต่างทรุดพร้อม ๆ กัน และรายได้จาก Food Delivery ก็ไม่อาจก้าวขึ้นมาแทนที่ได้อย่างที่ควรจะเป็น (ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ยอดการเรียกรถของ Grab ประเทศไทยที่พบว่าลดลงถึง 90% จากการล็อคดาวน์ และการไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการ)

ด้วยเหตุนี้ แม้ปลายปี 2020 จะมีข่าวว่า Grab และ Gojek กลับมาเจรจากันอีกครั้งเรื่องการควบรวมกิจการ แต่หลายคนก็น่าจะตระหนักแล้วว่า นอกจากข้อดีเรื่องการประหยัดงบประมาณด้านการตลาดแล้ว พวกเขาอาจมีข้อเสียที่ไม่สามารถซัพพอร์ตกันและกันได้มากนักในยามที่เกิดปัญหาพ่วงเข้ามาด้วย

ในมุมนักลงทุน มันจึงไม่ใช่การเติบโตที่ยั่งยืนอีกต่อไป ขณะที่การควบกิจการระหว่าง Gojek และ Tokopedia มีความน่าสนใจมากกว่า เนื่องจากพวกเขาอยู่กันคนละตลาด โดย Gojek อยู่ในตลาดที่มีความถี่ในการใช้งานสูง แม้รายได้ต่อครั้งอาจจะไม่มากนัก ส่วน Tokopedia อยู่ในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการใช้งานปานกลาง แต่รายได้ต่อครั้งถือว่าดี ซึ่งความต่างในจุดนี้ ทำให้ทั้ง Gojek และ Tokopedia ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ในวันที่อีกฝ่ายมีสะดุดล้มนั่นเอง

grab shutterstock Food delivery

Gojek x Tokopedia ควบแล้วเหนือกว่า Grab!!!

อีกประเด็นที่ทำให้ Grab x Gojek ส่อแววเป็นหมันก็คือ พวกเขาอยู่ในธุรกิจเดียวกัน หากควบกิจการกันขึ้นมาจริง ๆ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งคำถามเรื่องการผูกขาดตลาดด้วย

ตรงข้ามกับการควบกิจการระหว่าง Gojek และ Tokopedia โดยข้อมูลจาก CB Insight ระบุว่า Gojek ปัจจุบันมีผู้ใช้งานใน 5 ประเทศที่เปิดให้บริการแล้วถึง 38 ล้านคน ซึ่งมีการประเมินมูลค่าบริษัทเอาไว้ที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Tokopedia ปัจจุบันให้บริการในประเทศอินโดนีเซียประเทศเดียวก็จริง แต่มีผู้ใช้งานมากถึง 100 ล้านคน และมีการประเมินมูลค่าของบริษัทเอาไว้ถึง 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากสองบริษัทนี้ควบรวมกิจการกันสำเร็จ ก็จะสามารถแซงหน้า Grab ที่มีมูลค่าอยู่ราว 14,300 ล้านเหรียญสหรัฐไปอย่างไม่เห็นฝุ่น

คู่แข่งตัวจริงคือ “SEA”

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา หนึ่งในสตาร์ทอัพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเติบโตมากเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือ SEA จากประเทศสิงคโปร์ เจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ช้อปปี้ (Shopee) บริการ e-Payment อย่าง AirPay และแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ โดยมูลค่าหุ้นของ SEA นั้นเติบโตมากกว่า 400% จากต้นปี 2020 อยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐ ปัจจุบันหุ้นของ SEA ก้าวไปแตะ 202.93 เหรียญสหรัฐเรียบร้อย

sea stock ราคาหุ้น SEA

ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่นักลงทุนฝั่ง Grab – Gojek – Tokopedia มองหาก็คือ การสร้างคู่แข่งที่ตัวใหญ่พอ ๆ กับ SEA ขึ้นมาเทียบ เพื่อสะกัดไม่ให้เงินลงทุนไหลไปหา SEA จนหมด อีกทั้งหากเงินลงทุนไหลไปที่ SEA มากเข้า SEA ก็อาจขยายธุรกิจมาสู่ Food Delivery และอื่น ๆ ที่อาจทำให้ Grab – Gojek ฯลฯ “อยู่ยาก” มากขึ้นด้วย

ด้วยเหตุนี้ หากดีล Grab – Gojek เกิดขึ้นได้ยากเพราะติดข้อจำกัดหลายประการ การส่งคู่เทียบใหม่อย่าง Gojek – Tokopedia ก็อาจเป็นสิ่งที่นักลงทุนมองแล้วว่าต้องทำอย่างเร่งด่วน อีกทั้งปัจจุบัน ทั้ง Gojek และ Tokopedia มีผู้ถือหุ้น “ซ้ำกัน” อยู่ไม่น้อย เช่น Google, Temasek Holdings และ Sequoia Capital India การเจรจาให้ผู้ถือหุ้นเห็นคล้อยตามกันก็อาจเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ดี ทั้ง Gojek และ Tokopedia ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว คำถามที่ว่าการควบกิจการนี้จะมีสิทธิเกิดขึ้นจริงไหม และจะเป็นดีลที่สามารถสกัดการเติบโตของ SEA ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างที่นักลงทุนคาดหวังหรือเปล่า จึงเป็นสิ่งที่เราต้องลุ้นกันต่อไปเช่นกัน

Source

Source

Source


แชร์ :

You may also like