บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมกับ 19 สถาบันการเงิน เปิด 6 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ เตรียมวงเงิน 100,000 ล้านบาท เยียวยา SMEs เร่งด่วน กระจายความช่วยเหลือครอบคลุมกลุ่มเปราะบาง และ ผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่ม
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการ SMEs “บสย.” ในฐานะ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ได้เร่งดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ขณะที่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป ซึ่งต้องการ ยืด ลด หด และ ขยายหนี้ (DR) และผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ (TDR) เติมเงินทุนใหม่ เพื่อพยุงธุรกิจ และหลุดพ้นปัญหาหนี้นอกระบบ โดยที่ผ่านมา ได้นำโครงการค้ำประกันสินเชื่อที่ได้รับความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรอบวงเงินรวม 175,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
“โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs สร้างชาติ” (PGS 9) วงเงิน 150,000 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงิน 1 แสนล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป ทั้งรูปแบบนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา และ วงเงิน 50,000 ล้านบาท สำหรับ ผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และ “โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Micro ต้องชนะ” (Micro 4) วงเงิน 25,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย อาทิ พ่อค้าแม่ค้า แผงลอย ผู้ประกอบการธุรกิจฐานราก และกลุ่มอาชีพอิสระ
ล่าสุด บสย. ได้เปิดตัว 6 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ ร่วมกับ ธนาคารพันธมิตรช่วยเหลือเร่งด่วน จัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 100,000 ล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบการเปราะบางและผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการเปราะบาง สู้ภัย COVID-19 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
“โครงการ “บสย. SMEs ไทย สู้ภัยโควิด” ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรายละ 2 แสนบาท – 20 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท * MAX CLAIM สูงสุด 35% และ “โครงการ “บสย. รายย่อยไทย สู้ภัยโควิด” ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปี วงเงินค้ำประกันสินเชื่อต่อราย 1 หมื่นบาท – 1 แสนบาท ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท * MAX CLAIM สูงสุด 40%
“ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ทั้ง 2 โครงการถือเป็นโครงการเร่งด่วนที่จะเข้าไปช่วยผู้ประกอบการเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ตามประกาศพื้นที่เสี่ยงของ ศบค. โดย บสย. จะเปิดรับคำขอค้ำประกันสินเชื่อถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป จำนวน 4 โครงการ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี ระยะเวลาค้ำประกันสินเชื่อ 10 ปี ได้แก่
“โครงการ “บสย. SMEs ดีแน่นอน” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท -100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 20,000 ล้านบาท “โครงการ “บสย. SMEs บัญชีเดียว” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท -100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท “โครงการ “บสย. SMEs ที่ได้รับสินเชื่อหนังสือค้ำประกัน (LG)” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท – 100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 2,000 ล้านบาท และ “โครงการ “บสย. รายย่อย ทั่วไป” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 1 หมื่นบาท – 5 แสนบาท วงเงินจัดสรร 3,000 ล้านบาท
“โดยทั้ง 6 โครงการ บสย. รับความเสี่ยง ตั้งแต่ 20-40% พร้อมกำหนดเงื่อนไขการรับความเสี่ยงระหว่าง บสย. กับ ธนาคาร เช่น เกณฑ์การเคลม ระหว่าง บสย. และธนาคาร ในสัดส่วน 70% : 30% กรณีที่ธนาคารยื่นเคลมก่อนระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ธนาคารได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยดูแลลูกหนี้ในด้านต่างๆ อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ จัดหนี้ หรือปรับปรุงเงื่อนไขให้ยืดหยุ่น เพื่อช่วยลูกหนี้ให้ไปรอด และมีกระแสเงินสดเพียงพอ” ดร.รักษ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ในด้านการดำเนินงาน โครงการ “บสย. SMEs รายย่อยทั่วไป” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุน ต้องพึ่งเงินทุนนอกระบบ จากการที่ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในส่วนนี้ บสย. มีนโยบายส่งเสริมให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ SMEs ลดการใช้เงินกู้นอกระบบ โดย บสย. ได้ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย เป็น 500,000 บาทต่อราย และ รับความเสี่ยงค้ำประกันสินเชื่อเต็มจำนวน 100% เพื่อให้ บสย. เป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการค้ำประกันสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บสย. ยังได้ร่วมค้ำประกันสินเชื่อในโครงการ Soft Loan Plus ของธนาคารแห่งประเทศไทย วงเงิน 55,000 ล้านบาท และ โครงการ บสย. SMEs ไทยชนะ วงเงิน 5,000 ล้านบาท
สำหรับ สถาบันการเงินที่ร่วมปล่อยสินเชื่อ ประกอบด้วย โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs สร้างชาติ” (PGS9) จำนวน 18 ธนาคาร ได้แก่ 1. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) 3. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 4. ธนาคารออมสิน 5. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 6. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 7. ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน ) 8.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 9. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน ) 10. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 11. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน ) 12.ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน ) 13. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน ) 14. ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน ) 15. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) 16. ธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน ) 17. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน ) 18. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Micro ต้องชนะ” (Micro 4) จำนวน 18 ธนาคาร และ 1 ลิซซิ่ง ได้แก่ 1.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) 3.ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน ) 4. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 5.ธนาคารออมสิน 6.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 7. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 8.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน ) 9.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 10. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน ) 11. ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน ) 12.ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน ) 13.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) 14. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน ) 15. ธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน ) 16.ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน ) 17. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 18.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 19. บริษัท ไฮเวย์ จำกัด
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอรับบริการการค้ำประกันสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
