หลังจากที่ธุรกิจสัญชาติจีนอย่าง Huawei, ZTE, TikTok, Alipay และ WeChat โดนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศแบนกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ล่าสุดก็ถึงคราวของเสี่ยวมี่ (Xiaomi) ยักษ์ใหญ่ในวงการสมาร์ทโฟนที่จะต้องถูกแบนจากการทำธุรกิจในแผ่นดินอเมริกาอีกราย
สำหรับเหตุผลที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ใช้ในการแบนเสี่ยวมี่ในช่วงสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งก็คือการบอกว่า เสี่ยวมี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังทหารของจีน ซึ่งการแบนจะทำให้เสี่ยวมี่ บริษัทที่มีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนโลกถึง 13.1% รายนี้ ไม่สามารถทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกาได้อีกต่อไป รวมถึงนักลงทุนของสหรัฐอเมริกาเองก็จะไม่สามารถลงทุนในเสี่ยวมี่ได้อีกด้วย โดยนักลงทุนอเมริกันจะต้องถอนทุนออกจากเสี่ยวมี่ให้หมดภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2021 นี้
อย่างไรก็ดี จุดแตกต่างระหว่างการแบนเสี่ยวมี่กับการแบนบริษัทจีนอื่น ๆ ก่อนหน้าอาจอยู่ตรงที่ การแบนครั้งนี้เกิดขึ้นโดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ขณะที่การแบนหัวเว่ย, ZTE, WeChat ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ประเด็นด้านการทหาร
ด้านสื่อญี่ปุ่นอย่าง Nikkei ให้ความเห็นว่า การแบนเสี่ยวมี่มีขึ้นเพราะเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการเป็นเบอร์ใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟนโลก ซึ่งคล้ายกับกรณีที่เกิดกับหัวเว่ยเมื่อหลายปีก่อน โดยยอดขายของเสี่ยวมี่ก้าวแซงหน้าแอปเปิล (Apple) ขึ้นเป็นเบอร์สามของโลกได้สำเร็จในไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา (คิดจากจำนวนเครื่องที่ขายได้ ไม่ได้คิดจากรายได้ที่บริษัทได้รับ) และผลจากการเติบโตด้านยอดขายนี้ ทำให้บริษัทสัญชาติมะกันอย่างแอปเปิลหลุดท็อปทรีโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีด้วย
ด้านเสี่ยวมี่ได้ออกมาชี้แจงว่า บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาทุกอย่าง และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานด้านการทหารของจีนอย่างที่โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหา ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีผลใด ๆ ต่อการประกาศแบนครั้งนี้หรือไม่
ส่วนบริษัทอเมริกันที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ไปด้วยอาจเป็นควอลคอมม์ (Qualcomm) เพราะเสี่ยวมี่คือลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท อีกทั้งสมาร์ทโฟนแฟล็กชิปเวอร์ชันล่าสุดอย่าง Mi 11 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคมก็ใช้ชิป Snapdragon 888 5G ของควอลคอมม์ หลังจากนี้จึงน่าสนใจที่ว่า หากบริษัทสัญชาติจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของสมาร์ทโฟนโลกไม่สามารถใช้ชิปจากควอลคอมม์ในสมาร์ทโฟนได้แล้ว ควอลคอมม์จะขายชิปดังกล่าวให้กับใครดี กระนั้น การแบนครั้งนี้ส่งผลให้หุ้นของเสี่ยวมี่ปรับตัวลดลง 9% เลยทีเดียว