หากไปถามนักการตลาดว่าคน Gen ไหน มาแรงและน่าจับตามองในตลาดตอนนี้ เชื่อว่านอกจาก Gen Z แล้ว “กลุ่มคนมิลเลนเนียล” ถือเป็นอีกเจนเนอเรชั่นสำคัญที่แบรนด์และนักการตลาดต่างหมายปองมากที่สุด โดยเฉพาะในตลาดอสังหาฯ เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งเพราะคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากอยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 25-39 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานและหลายคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จึงมีพลังในการตัดสินใจซื้อสูง อีกทั้งผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังมีขนาดใหญ่ไม่น้อย เพราะมีจำนวนมากถึง 13.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 31.53% ของประชากรวัยแรงงานทั้งหมดกว่า 43 ล้านคน
ในขณะเดียวกัน หากมองให้ลึกลงไปถึงพฤติกรรมการจับจ่าย ชาวมิลเลนเนียลเป็นกลุ่มที่ตัดสินใจรวดเร็ว แถมยังกล้าใช้จ่ายกับสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของตัวเอง คนกลุ่มนี้จึงมีภาระหนี้สูงโดยเฉพาะการซื้อทรัพย์สินที่มีราคาสูงอย่างที่อยู่อาศัย โดยข้อมูล บริษัทเครดิตแห่งชาติ จำกัด พบว่า มิลเลนเนียลเป็นกลุ่มที่มีการสร้างหนี้มากสุดและได้รับผลกระทบทางการเงินค่อนข้างมาก โดยในสิ้นไตรมาสแรกปี 2563 ผู้บริโภคกลุ่มนี้มีหนี้สินรวมกันถึง 4 ล้านล้านบาท คิดเป็นหนี้เสีย (NPL) คงค้าง 2.7 แสนล้านบาท
ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ได้ทำการสำรวจ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรม แผนการใช้จ่าย และความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของชาวมิลเลนเนียลท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางและสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย โดยพบว่า
1.อยากใช้จ่ายหลากหลาย แต่ครอบครัวต้องมาก่อน
กลุ่มมิลเลนเนียลส่วนใหญ่ให้ความสำคัญไปที่การใช้จ่ายภายในครอบครัวถึง 74% โดย 59% มีความตั้งใจออมเงินเพื่อวางแผนซื้อบ้านในอนาคต ในขณะที่ 46% ระบุว่าอยากออกไปท่องเที่ยวในวันหยุด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทุกคนจำเป็นต้องเก็บตัวอยู่บ้าน และชะลอแผนท่องเที่ยวออกไป เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และหยุดการแพร่ระบาดฯ ในประเทศ
2.เตรียมความพร้อม หวังซื้อบ้านหลังแรกตอน 31 ปี
เมื่อพิจารณาด้านการครอบครองอสังหาฯ ในปัจจุบัน พบว่ายังมีสัดส่วนไล่เลี่ยกัน โดยผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่มมิลเลนเนียลมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองแล้วถึง 57% ขณะที่อีก 43% ยังไม่ได้เป็นเจ้าของอสังหาฯ หรือมีที่อยู่อาศัยของตัวเอง โดย 2 ใน 3 ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ (66%) วางแผนที่จะซื้อบ้านหลังแรกเมื่ออายุ 31 ปีขึ้นไป ซึ่งน่าจะเป็นช่วงวัยที่มีความพร้อมทั้งด้านหน้าที่การงานที่มั่นคงและสถานะทางการเงินเมื่อต้องเป็นหนี้ก้อนใหญ่
3.สถานะทางการเงินสั่นคลอน อุปสรรคหลักของการมีบ้าน
กลุ่มมิลเลนเนียลยอมรับว่า ปัญหาทางการเงินจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในตอนนี้ถือเป็นอุปสรรคหลักที่ทำให้ยังไม่มีแผนย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ โดย 1 ใน 2 ของกลุ่มนี้ (50%) ระบุว่า ยังไม่มีเงินออมมากพอสำหรับการเช่าหรือซื้อบ้านเป็นของตนเอง ในขณะที่ 41% ต้องการจะอยู่บ้านเดิมเพื่อดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิด ตามมาด้วยกลุ่มที่ไม่คิดจะย้ายออกเพราะยังไม่ได้แต่งงาน 33% และตั้งใจจะรับช่วงต่อบ้านเดิมจากพ่อแม่อยู่แล้ว 33% จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้ออสังหาฯ เป็นของตัวเองในตอนนี้
4.การเช่าโดนใจ ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยแบบไร้ข้อผูกมัดระยะยาว
ด้วยข้อจำกัดทางการเงินจากปัจจัยต่างๆ ส่งผลให้ชาวมิลเลนเนียล 94% ตัดสินใจเช่าแทนการซื้อที่อยู่อาศัยในตอนนี้ เนื่องจากมองว่าการเช่าบ้าน/คอนโดฯ มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการซื้ออสังหาฯ ซึ่งต้องมีความพร้อมทางการเงินในระดับหนึ่งจึงจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงเลือกเก็บเงินก้อนที่มีสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินและหันไปเลือกเช่าอสังหาฯ ในรูปแบบที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแทน นอกจากนี้ การมีสถานภาพโสดอยู่ตัวคนเดียวก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้การเช่าที่อยู่อาศัยได้รับความนิยมมากกว่าการซื้อเช่นกัน
แม้ผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากหลายปัจจัยในตอนนี้จะทำให้แผนบริหารจัดการเงินของชาวมิลเลนเนียล ต้องสะดุดลงหรือชะลอการใช้จ่ายในการซื้อที่อยู่อาศัยออกไป แต่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังคงเป็นกำลังซื้อสำคัญในตลาดอสังหาฯ ในระยะยาว เพียงแต่รอดูสัญญาณบวกของสถานการณ์ต่างๆ เพื่อหาเวลาที่เหมาะสมในการออกมาใช้จ่าย ผู้ประกอบการอสังหาฯ เองก็ต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวมิลเลนเนียลที่ปรับเปลี่ยนไปเช่นกัน
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand