การมาถึงของเครือข่ายโทรคมนาคม 5G ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่ทั่วโลกรอคอย เพราะมันคือการพลิกโฉมหน้าการสื่อสารให้เหนือขึ้นไปอีกระดับอย่างที่ประสิทธิภาพของเครือข่าย 4G ไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็ว (Speed) ที่เทคโนโลยี 5G สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า ซึ่งการรับส่งข้อมูลที่ลื่นไหลนี้จะทำให้เทคโนโลยีอย่าง AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) เกิดขึ้นได้อย่างกว้างขวางกว่าโลกยุค 4G หลายเท่าตัว
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่ 5G เหนือกว่ายังเป็นเรื่องของความหน่วง หรือ Latency ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับการพัฒนาหลาย ๆ อุตสาหกรรมในอนาคต เช่น การผ่าตัดทางไกล หรือรถไร้คนขับ (Driverless Car) ที่ระบบต้องการความแม่นยำสูงเพื่อการตัดสินใจ จุดต่างข้อสุดท้ายคือเรื่องของการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ที่ 5G รองรับได้มากถึง 1,000,000 อุปกรณ์ต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไม 5G จึงเป็นเทคโนโลยีที่หลายคนรอคอย
แต่เราก็เชื่อว่า ในมุมผู้บริโภคไม่ได้รอแค่ได้ใช้งานเครือข่าย 5G เพียงอย่างเดียว เพราะสิ่งสำคัญใน Ecosystem นี้อีกข้อหนึ่งก็คือ สมาร์ทโฟน 5G ที่เปรียบเสมือนหัวใจและมันสมองของสรรพสิ่ง ซึ่งหนึ่งในบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำอย่าง OPPO จะเข้าใจอินไซต์ข้อนี้ดี จึงส่งสมาร์ทโฟน 5G รุ่นล่าสุดอย่าง OPPO Reno5 5G ออกมาเอาใจคนที่อยากใช้เครือข่าย 5G กันตั้งแต่ต้นปี โดยเราจะเห็นได้ว่า OPPO Reno5 5G นั้นมาพร้อมกับความเหนือกว่าในทุกด้านที่สมาร์ทโฟน 5G ในราคาเพียงหมื่นต้นๆ ควรมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชิปประมวลผลที่เลือกใช้ Snapdragon 765G จากควอลคอมม์ที่ทำให้การทำงานร่วมกับ AI เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือการใช้หน้าจอไร้ขอบขนาดกว้างถึง 6.4 นิ้วทำให้การรับชมคอนเทนต์อิ่มเต็มตา ส่วนอัตรารีเฟรชเรทก็ให้มาสูงถึง 90Hz ทำให้การรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างลื่นไหล
ฟีเจอร์เด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือการถ่ายวิดีโอแบบ Dual-View ส่วนที่ว่าดีอย่างไรก็ต้องลองนึกถึงกล้องสมาร์ทโฟนในอดีตที่เราต้องหมุนกล้องไปมากว่าจะเก็บภาพเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวได้ครบ มาคราวนี้ ด้วยฟีเจอร์ Dual-view Video เราสามารถบันทึกภาพคนที่อยู่ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้ในเฟรมเดียวกันแล้ว
ฟีเจอร์นี้ยังนำไปประยุกต์กับการถ่ายคลิป ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายทำง่ายขึ้นกว่าเดิมมากเลยทีเดียว
AI Highlight Video – OFF AI Highlight Video – ON
กล้องที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI ที่สามารถประมวลผลได้อย่างอัจฉริยะ กำลังจะกลายเป็นพื้นฐานของสมาร์ทโฟน 5G ซึ่งทำให้การตัดสินใจซื้อ ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงานของ AI ที่มีว่าสามารถสร้างภาพถ่ายและวิดีโอที่ทรงพลังได้มากน้อยแค่ไหน โดยการทำงานของ AI ใน OPPO Reno5 5G คือ การรับมือกับแสงทั้งตอนกลางวัน (Live HDR) และตอนกลางคืน (Ultra Night Video) ที่ช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้สวยคมชัด
ไม่เพียงเท่านั้น OPPO Reno5 5G ยังมาพร้อมระบบกันสั่นในการถ่ายทำวิดีโอ (Ultra Steady Video) ที่รองรับทั้งกล้องหน้า กล้องหลัง และเลนส์มุมกว้าง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นตัวช่วยที่หลายคนต้องการกันมากเลยทีเดียว เพราะคลิปวิดีโอที่ไม่สั่นไหวนั้น เป็นที่ชื่นชอบอย่างมากบนโลกออนไลน์
Night Flare Portrait – OFF Night Flare Portrait – ON
ลูกเล่นจาก OPPO ยังมีอีกมาก เช่น Night Flare Portrait ที่ช่วยให้การถ่ายภาพตอนกลางคืนโดดเด่นมากขึ้น และสามารถปรับแต่งโบเกในภาพได้ หรือการใส่แอปพลิเคชันยอดฮิตอย่าง Soloop สำหรับการตัดต่อวิดีโอ ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ง่าย ๆ แถมแชร์ไปยังโซเชียลมีเดียได้ทันทีด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้ OPPO Reno5 5G ที่ใส่กล้องมาให้ถึง 4 ตัว แถมกล้องหลักยังมีความละเอียดสูงถึง 64MP ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์แบบ Ultra-Wide, Macro หรือเลนส์แบบ Mono แล้ว ก็ทำให้เรามีภาพถ่ายและวิดีโอสวยคมชัดได้ไม่ยากเลย เช่นเดียวกับกล้องหน้าความละเอียดถึง 32MP ซึ่งออกแบบมาสำหรับคนรักการเซลฟี่โดยเฉพาะก็ทำให้เราถ่ายภาพและวิดีโอได้ง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน
ระยะเวลาในการทำงานของสมาร์ทโฟน 5G เป็นอีกเรื่องที่หลายฝ่ายกังวล แต่สำหรับ OPPO Reno5 5G พวกเขาเลือกจะใส่แบตเตอรี่มาให้ถึง 4300mAh และมาพร้อมระบบชาร์จรวดเร็ว สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 100% ในเวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น
ส่วนใครที่เจอสถานการณ์ฉุกเฉิน แบตเตอรี่ใกล้จะหมด OPPO ก็มีโหมด Super Power Saving Mode ที่สามารถแชทได้นาน 90 นาทีโดยเสียพลังงานแบตเตอรี่ไปแค่ 5% โดย OPPO บอกว่าเหตุที่ทำให้ได้เช่นนี้ เพราะมีการปรับประสิทธิภาพของ CPU รวมถึงความสว่างหน้าจอ ทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ออกไปได้นานมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ภายใต้โหมดดังกล่าว เราสามารถตั้งค่าแอปพลิเคชันที่เราชื่นชอบเอาไว้ได้ถึง 6 แอป เพื่อให้เรายังคงทำงานกับแอปเหล่านั้นได้ไม่ต่างกับตอนแบตเตอรี่เต็มด้วย
OPPO Reno5 5G เปิดตัวแล้วในวันนี้ โดยมาพร้อมสองสีให้เลือก นั่นคือ สีเงิน Galactic Silver ที่ผสานเทคโนโลยี Reno Glow ที่ช่วยให้ตัวเครื่องมีความเปล่งประกายของเฉดสีได้นับพัน แถมยังช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือและคราบสกปรกต่าง ๆ ได้ด้วย ส่วนใครที่ชอบความหรูหรา ก็มีสีดำ Starry Black ให้เลือกใช้เช่นกัน
สำหรับราคาของ OPPOReno5 5G เปิดตัวเริ่มต้นที่ 13,990 บาท หากใครสนใจตอนนี้ที่ OPPO Brandshop และ ร้านค้าที่ร่วมรายการ รับจองตั้งแต่วันนี้ – 5 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมรับฟรีของสมนาคุณ Smart Scale, Bluetooth Speaker และ OPPO E-VIP Card มูลค่ารวม 8,398 บาท หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/oppothai