นับตั้งแต่โลกวิ่งเข้าสู่สังคมดิจิทัล โซเชียลมีเดียกลายเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เข้ามามีอิทธิพลต่อผู้บริโภคในการรับข่าวสารมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ทวิตเตอร์” เพราะด้วยจำนวนฐานผู้ใช้ที่เติบโตสูงขึ้น จากเดิมที่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียล ปัจจุบันมีทั้งกลุ่มคนทำงานและนักธุรกิจเข้ามาใช้เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารกันมากขึ้น บวกกับจุดเด่นในการเป็นพื้นที่ “สนทนา” ที่ให้ผู้ใช้สามารถเข้ามาร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้แบบเรียลไทม์
จึงทำให้ทวิตเตอร์กลายเครื่องมือที่นักการตลาดให้ความสนใจ และในช่วงที่ผ่านมาหลายแบรนด์ต่างกระโดดเข้ามาสู่แพลตฟอร์มนี้จำนวนมาก เพราะสามารถจะแบ่งปันประสบการณ์ที่มีต่อสินค้าและสร้างอิทธิพลต่อผู้ที่ติดตามแบรนด์ให้กลายมาเป็นลูกค้าได้ แต่สิ่งสำคัญคือ การจะปั้นบทสนทนาให้เข้าถึงใจลูกค้าจนสามารถเชื่อมต่อประสบการณ์กับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เรื่องง่ายและจะประสบความสำเร็จทุกแบรนด์เสมอไป
และนี่คือ 5 กลยุทธ์จากทวิตเตอร์ สำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างบนสนทนาให้โดดเด่นและเชื่อมต่อกับผู้ใช้บนทวิตเตอร์ให้สำเร็จ
1.ผู้บริโภคทุกคนไม่เหมือนกัน
แต่ละแบรนด์ต่างมีเอกลักษณ์และความแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นผู้บริโภคเองก็มีความแตกต่างเช่นกัน แบรนด์จึงต้องเข้าใจว่าผู้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ มีรสนิยมและสไตล์อย่างไรบ้าง ขณะเดียวกัน ประชากรบนทวิตเตอร์ในประเทศไทยก็มีความหลากหลาย ดังนั้นการที่จะสื่อสารกับประชากรแต่ละกลุ่มจึงต้องมีความแตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งประชากรออกเป็นดังนี้
Gen Y (37.6%)
Gen Z (31.1%)
Gen X (28.2%)
Baby Boomer (3.1%)
2.แตกต่าง แต่ไม่แตกแยก
เพราะทวีตข้อความเดียวอาจจุดประกายให้เกิดบทสนทนาได้ จึงต้องแน่ใจว่าจะสร้างบทสนทนาเชิงบวกและช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ นอกจากนี้ แบรนด์ควรมีภาพของความเป็นตัวของตัวเอง รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและฟีดแบ็กต่างๆ จากผู้บริโภค เพื่อนำไปพัฒนาต่อไป ซึ่งจุดนี้จะช่วยให้แบรนด์เชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ในแบบแตกต่างจากช่องทางอื่นๆ และทำให้แบรนด์สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการได้
3.จากบทสนทนาสู่การซื้อ
บทสนทนาที่ดีจะสามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้า หรืออยากค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับสินค้านั้นๆ มากขึ้น รวมถึงอยากจะคลิกเข้าไปดูสินค้าในเว็บไซต์ โดยคนที่เป็นกระบอกเสียงของแบรนด์จะช่วยจุดกระแสให้เกิดบทสนทนาเกี่ยวกับสินค้าได้ จากข้อมูลของ Statista Global Consumer Survey พบว่า 59% ของนักช้อปออนไลน์ในประเทศไทยเห็นด้วยว่าการรีวิวของคนบนอินเตอร์เน็ตซึ่งช่วยให้พวกเขาตัดสินใจว่าจะซื้อสินค้าอะไร แสดงให้เห็นว่า ความคิดเห็นต่างๆ ของผู้บริโภคคนอื่นมีความสำคัญและอาจเปลี่ยนให้เกิดความต้องการซื้อสินค้าได้ แบรนด์จึงจำเป็นต้องรับฟังทุกความคิดเห็นในบทสนทนานั้น
4.สร้างแรงบันดาลใจด้วยบทสนทนา
ระหว่างที่มีการสนทนาแบรนด์ควรระมัดระวังไม่ขายสินค้ามากจนเกินไป เนื่องจากทวิตเตอร์เป็นสถานที่ที่ผู้คนเข้ามาพูดคุยและแบ่งปันความคิดเห็น การรีวิวอย่างจริงใจและตรงไปตรงมาเป็นสิ่งสำคัญ แบรนด์จึงควรสนใจในบทสนทนา ทำความเข้าใจผู้บริโภค และพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนาให้ตรงกับหัวข้อนั้นๆ มากกว่ามุ่งขายแต่สินค้าอย่างเดียว
5.คิดให้ไกลกว่าแค่ปิดการขาย
แบรนด์ส่วนใหญ่โฟกัสกับการสร้างการรับรู้ กระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อสินค้า และปิดการขายให้ได้ แต่หลายแบรนด์อาจลืมไปว่า การสนทนากับลูกค้าเป็นพลังที่สำคัญ โดย การสนทนาสามารถสร้างความภักดี ได้ เมื่อผู้บริโภคมีความพึงพอใจในตัวสินค้า ก็สามารถกลายมาเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ได้ จากนั้นการสนทนาก็จะกลายมาเป็นกระบอกเสียงที่ดีที่สุดของแบรนด์