วันนี้ (29 มีนาคม) หุ้น GRAMMY ของ “อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” ปิดตลาด 14.40 บาท + 1.40 บาท เพิ่มขึ้น 10.77% ทำราคาสูงสุดระหว่างวันที่ 15.10 บาท ถือเป็นราคาสูงสุดในรอบ 7 ปี ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 101 ล้านบาท มูลค่าสูงสุดในรอบ 6 ปี ราคาหุ้น GRAMMY ปรับตัวแรงมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม ปิดตลาด 13.00 บาท +30%
ความสนใจหุ้น GRAMMY มีมาต่อเนื่อง หลังจากการกลับมาเข้าร่วม SET Opportunity Day ครั้งแรกของ GRAMMY ในรอบ 5 ปี ประเด็นหลักคงเป็นเรื่อง ความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2563 ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายทางบัญชีจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้น JV ในกลุ่มเดอะวัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ช่องวัน 31) และ GMM Channel Holding
ในส่วนของธุรกิจหลักอย่าง Music Business อาจจะมี Positive Surprise จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่มาเร็วกว่าที่คาดไว้เดิมที่อาจต้องรอถึงไตรมาส 3-4 อาจจะเร็วขึ้นมาเริ่มเห็นผลตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้ จากการเปิดประเทศ รวมถึงมาตรการผ่อนคลายจากรัฐบาลที่จะทำให้การทำธุรกิจกลับมาภาวะปกติเร็วขึ้น บวกกับการเริ่มใช้วัคซีนกับประชาชนเพื่อจำกัดการระบาดของ COVID-19
ประเด็นถัดมาหุ้น GRAMMY ถือว่า ราคายังไม่ปรับขึ้นเหมือนหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่ม Media ถ้าย้อนดูผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี (ณ ราคาปิดวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564) จะเห็นว่า หุ้น Media หลักๆ อย่าง BEC และ WORK ต่างปรับตัวขึ้นเกิน 200% และ PLAN B ปรับตัวขึ้นถึง 164% ในขณะที่ GRAMMY เพิ่งปรับตัวขึ้นมา 87.05% เลยอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่นักลงทุนกลับมาสนใจตัวหุ้น GRAMMY อีกครั้ง
นอกจากนี้การจับมือระหว่าง GMM O shopping กับ ROJUKISS ในการบุกธุรกิจ Social Commerce ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวสินค้าตัวแรกได้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ รวมถึงการโดดเข้าตลาดสินค้ากัญชง โดยจับมือระหว่าง GMM O Shopping x ROJUKISS x DOD โดยหากสินค้าใหม่ๆ สามารถเข้าสู่ตลาดได้ตามแผนอาจจะได้เห็นพัฒนาการของผลประกอบการไตรมาส 2
สุดท้ายคือโอกาสการแยกธุรกิจกลุ่มเดอะวัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONE) เข้า IPO ส่วนนี้ตามที่ทาง GRAMMY รายงานผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะหนึ่งในผู้หุ้นหลักต้องนำวาระนี้เข้าขออนุมัติทำรายการในประชุมผู้ถือหุ้นช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ หลังจากได้รับอนุมัติในการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา