ระยะเวลา 11 ปี ของ “ออริจิ้น” ในธุรกิจอสังหาฯ พัฒนาที่อยู่อาศัยไปแล้ว 69 โครงการ มูลค่ากว่า แสนล้านบาท มีฐานลูกค้าราว 5 หมื่นครัวเรือน ที่จะต่อยอดสร้างเซอร์วิสใหม่มาให้บริการ เพื่อสร้างรายได้ประจำ ในช่วง 5 ปีนี้ให้มีสัดส่วน 30% ทิศทางหลังจากนี้ชัดเจนว่า “ออริจิ้น” จะไปในเส้นทาง Beyond Property
ปัจจุบันแนวทางธุรกิจอสังหาฯ มักกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจหลักขายที่อยู่อาศัย ไปสู่การหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ คอมมูนิตี้มอลล์ อาคารสำนักงาน ซึ่งก็ยังอยู่ในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ที่มีรายได้จากการเช่า
ขณะที่ทิศทางการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ของ “ออริจิ้น” ไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัย แต่มุ่งสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสินค้าและบริการตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชั่นตลอดช่วงชีวิต โดยมีฐานลูกบ้านกว่า 5 หมื่นครัวเรือนในปัจจุบันที่สามารถใช้บริการได้และขยายสู่กลุ่มใหม่ ๆ
เกาะเมกะเทรนด์เปิด 3 ธุรกิจใหม่ “เฮลท์แคร์-โลจิสติกส์-บริหารหนี้”
คุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่าปี 2564 เตรียมขยายธุรกิจใหม่อีก 3 กลุ่ม ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ในกลุ่มที่เป็น “เมกะเทรนด์” มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต ดังนี้
1.กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare)
– ธุรกิจเสริมความงาม โดยจะเปิดคลินิกแบรนด์ Cheva Plus ดูแลความงามและชะลอวัย (Anti-Aging) สาขาแรกที่ศูนย์การค้า เมอร์คิวรี่ วิลล์ ชิดลม พื้นที่ 200 ตารางเมตร วางเป้าหมาย 10 สาขา ในช่วง 2 ปี
– กลุ่มศูนย์บริการสุขภาพ (Healthcare Center) บริการดูแลฟื้นฟูสุขภาพ ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย (Nursing Care) บริการที่อยู่อาศัยสำหรับคนรักสุขภาพ โดยจะเปิดศูนย์สุขภาพ Origin Wellness Complex 2 แห่ง
- แบริ่ง (สุขุมวิท 107) เปิดบริการปี 2565 มีทั้งคลินิกดูแลสุขภาพ และ Wellness Resident 50 ยูนิต ที่สามารถเช่าอยู่ได้ และคอนโดมิเนียมรองรับกลุ่มสูงวัยในราคา 1-2 ล้านบาท โดยเปิดแบรนด์ใหม่ Original สำหรับลูกค้า Gen X ที่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกในการดูแลสุขภาพ
- รามอินทรา เปิดบริการปี 2566 ซึ่งจะเป็น โปรเจกต์มิกซ์ยูส ขนาดใหญ่ มีทั้งศูนย์ดูแลสุขภาพขนาด 1,500 ตารางเมตร Wellness Resident ขนาด 108 ห้อง ศูนย์ดูแลฟื้นฟูภาพ 132 ห้อง
– กลุ่มแพลทฟอร์มให้บริการสุขภาพออนไลน์และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ ร่วมกับพันธมิตร เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช เข้ามาให้บริการโรงพยาบาลเสมือนจริง (Virtual Hospital) และบริการตรวจสุขภาพ ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการบำบัด วิทยาศาสตร์การกีฬา หรือเป็น Hospital at Home ในโครงการที่อยู่อาศัยของออริจิ้น บริการโรงพยาบาลใกล้เคียงแต่ละโครงการ (Local Hospital) ร่วมกับโรงพยาบาลสินแพทย์ และศูนย์ดูแลสุขภาพ ANYA
– บริการสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) โดยจับมือกับ สวางคนิเวศ ดำเนินการ Senior Living Lab ศึกษาวิจัยสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และโครงการที่อยู่อาศัย ที่เหมาะสมกับความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุไทย
2.กลุ่มธุรกิจศูนย์โลจิสติกส์ (Logistic Center)
โดยมองโอกาสจากเมกะเทรนด์อีคอมเมิร์ซเติบโต ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ขยายตัวตามไปด้วย ออริจิ้นจึงจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เพื่อทำธุรกิจโลจิสติกส์ โดยวางแผนก่อสร้างคลังสินค้า 2 โครงการ พื้นที่ 62,000 ตารางเมตร
3.กลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company หรือ AMC)
จากสถานการณ์โควิด-19 ในปีที่ผ่านมาทำให้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูงมาก จึงได้จัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อเข้าไปบริหารสินทรัพย์ที่มีหลักประกันอย่าง บ้าน คอนโดมิเนียม ทั้งกลุ่มบริหารทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL)
ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 3 โดยจะเข้าไปซื้อสินทรัพย์ NPL จากธนาคารมาบริหารต่อ คาดว่าจะใช้เงินก้อนแรกราว 400-500 ล้านบาท
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ Recurring Income ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์ (นิติบุคคลที่อยู่อาศัย) มีสัดส่วน 10% ของรายได้ หลังจากขยาย 3 ธุรกิจใหม่ในปีนี้ คาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 20% ใน 3 ปี และ 30% ใน 5 ปี
ปี 64 วางยอดขายที่อยู่อาศัย “นิวไฮ”
สำหรับธุรกิจหลักพัฒนาที่อยู่อาศัย ปีนี้เปิดตัวใหม่ใน 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายอยู่ที่ 29,000 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทหรือเป็น All Time High และมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท
โดยกลุ่มแนวราบช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถือเป็น New S Curve ของออริจิ้น มี 4 แบรนด์ ได้แก่ เบลกราเวีย (Belgravia) แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บริทาเนีย (Britania) และไบรตัน (Brighton) ครอบคลุมตลาดตั้งแต่ระดับ 2.5-50 ล้านบาท ในปี 2564 กลุ่มบ้านเดี่ยวจะเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,400 ล้านบาท
กลุ่มคอนโดมิเนียมปีนี้เปิดใหม่ 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,600 ล้านบาท เกาะแนวรถไฟฟ้าและ EEC โดยมี 4 แบรนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกวัย ได้แก่
1.ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) เจาะตลาดกลุ่ม Gen Y และ Gen Z โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัป
2.บริกซ์ตัน (Brixton) ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Affordable Niche) เจาะลูกค้าแตกต่างกันไป เช่น เจาะกลุ่มนักศึกษา-คนทำงานใกล้มหาวิทยาลัย (Campus) เจาะกลุ่มคนรักสัตว์ (Pet Lover)
3.แฮมป์ตัน (Hampton) ที่ร่วมลงทุนกับ “ดุสิตธานี” เจาะตลาดนักลงทุนโดยเฉพาะ นำร่องในศรีราชาและระยอง
4.ออริจินอล (Original) แบรนด์ใหม่คอนโดสำหรับเจาะตลาดผู้สูงอายุ (Silver Age) ทำเลแรกแบริ่ง สุขุมวิท 107
จากทิศทางธุรกิจ Beyond Property ด้วยการสร้างธุรกิจใหม่ๆ ทำให้การดำเนินธุรกิจในปี 2564 เป็นการนำทุกองค์ความรู้ มาสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) พัฒนาบริการใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้ครบวงจรในทุกช่วงเวลาของชีวิต