“Citigroup Inc.” วางแผนที่จะออกจากธุรกิจ Consumer Banking หรือ Retail Banking ใน 13 ตลาด ทั้งภูมิภาคเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
ประกอบด้วยออสเตรเลีย บาห์เรน จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ รัสเซีย ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม เพื่อลดต้นทุนในธุรกิจ Consumer Banking
อย่างไรก็ตาม ถึงจะถอนตัวออกจากธุรกิจ Consumer Banking (ธนาคารบุคคลธนกิจ) ใน 13 ตลาดก็ตาม แต่ตลาดเหล่านี้ “Citi Group” ได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินกิจการ โดยโฟกัสที่ธุรกิจสายสถาบันธนกิจ หรือ ICG (Institutional Clients Group) และวาณิชธนกิจ (Investment Banking)
“ใน 13 ตลาด เรามีหลายธุรกิจที่ยอดเยี่ยม แต่เราไม่มีสเกลที่ใหญ่พอจะแข่งขันได้ และจุดยืนของเรา คือ การเติบโตที่แข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีในธุรกิจ Wealth Management ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในด้านนี้ โดยเงินลงทุน และทรัพยากรของเรา จะถูกนำไปใช้กับโอกาสในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และลูกค้าองค์กรในภูมิภาคเอเชีย” Jane Fraser ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Citigroup Inc. ให้เหตุผลถึงการถอนตัวของ Citi ใน 13 ตลาด
ขณะเดียวกัน Citi ยังคงดำเนินการธุรกิจ Consumer Banking โดยโฟกัสเฉพาะ Wealth Management ใน 4 ตลาดที่เป็นศูนย์กลางด้าน Global Wealth Management Center คือ สิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และลอนดอน
เป็นที่ทราบกันดีว่าสิงคโปร์ เป็นตลาดสำคัญของสถาบันการเงินทั่วโลก เนื่องจากเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงิน ทั้งในภูมิภาคเอเชีย และระดับโลก ดังนั้น นอกจากมีบริการ Consumer Banking ในสิงคโปร์ “Citi” ยังได้สร้างศูนย์กลางให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่ง (Wealth-advisory Hub) ขนาดพื้นที่ 30,000 ตารางฟุต หรือ 28,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งมี Relationship Manager (RM) และผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุน มากกว่า 300 คน
ทั้งนี้ ในปี 2020 “Citigroup” มีรายได้สุทธิ 11.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายรับ 74.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2019 มีรายได้สุทธิ 19.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายรับ 74.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนไตรมาส 1/2021 มีรายได้สุทธิ 7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายรับ 19.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งผลกำไรของ Citi ได้แรงหนุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ Investment Banking และ Trading
ในขณะที่ปัจจัยที่ทำให้รายรับโดยรวมลดลง เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ และสินเชื่อลดลง 10% เนื่องจากยอดสินเชื่อบัตรเครดิตลดลง