สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ คลัสเตอร์สถานบันเทิงพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2564 ทำให้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ไม่มีเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ หลายหน่วยงานเตรียมรับมือด้วยการขยายโรงพยาบาลสนามและ Hospitel เพื่อดูแลผู้ป่วยอาการไม่มาก และที่ยอดพุ่งไม่แพ้กันในเวลานี้ก็คือ ยอดซื้อประกันโควิด-19 จากความกังวลของประชาชนที่กลัวติดเชื้อ
โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 มียอดทำประกันภัยโควิด-19 รวมทั้งสิ้นเกือบ 11 ล้านฉบับ ซึ่งเป็นยอดกรมธรรม์ประกันภัยที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 กว่า 1 ล้านฉบับ และมียอดการจ่ายค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งสิ้น 171 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เกือบ 100 ล้านบาท
คุณสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กล่าวว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้โรงพยาบาลหลายแห่ง มีเตียงไม่เพียงพอในการรองรับผู้ติดเชื้อ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ดังกล่าว และเพื่อรองรับมาตรการของรัฐบาลที่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและโรงแรมเป็นโรงพยาบาลกักตัว (Hospitel) ในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจเกิดประเด็นการตีความว่าการที่ผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งทำประกันภัยไว้ และเข้ารับการรักษาในสถานที่เหล่านั้น จะสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ
สำนักงาน คปภ. จึงได้ประชุมหารือเร่งด่วนกับสมาคมประกันชีวิตไทยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย และได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติว่าให้สามารถเคลมประกันได้ เพื่อให้ระบบประกันภัยสามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนในวิกฤตินี้
ดังนั้นในฐานะนายทะเบียนจึงได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 16/2564 เรื่อง การรักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือสัญญาเพิ่มเติม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริษัทประกันชีวิต และคำสั่งนายทะเบียนที่ 17/2564 เรื่อง การรักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือเอกสารแนบท้าย เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย
“คำสั่งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า หากต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลเนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลสนามหรือ Hospitel ให้ถือเป็นผู้ป่วยใน และยังได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย เช่นเดียวกับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทั่วไป”