ประกาศเตรียมคืนจอทีวี 2 รายการข่าวดังทางช่อง 3 ในเดือนพฤษภาคมนี้ กับการกลับมาของ “ตำนาน” พิธีกรเล่าข่าวเบอร์หนึ่ง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” หลังจากหายจากหน้าจอไป 5 ปี คงต้องจับตาการรีเทิร์นครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อเม็ดเงินโฆษณา ดึงผู้ชมกลับมาที่สื่อทีวีได้แค่ไหน และดูดฐานคนดูคืนจากทีวีดิจิทัลช่องใด “มีเดีย อินเทลลิเจนซ์” หรือ MI มีเดีย เอเยนซีคาดการณ์ไว้ดังนี้
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ คุณสรยุทธ จะกลับมาเป็นพิธีกรข่าว 2 รายการ คือ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ เวลา 10.30-12.15 น. เริ่มวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และ เรื่องเล่าเช้านี้ วันจันทร์-ศุกร์ เริ่มวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ โดยขยายเวลาเพิ่ม จากเดิมออกอากาศเวลา 6.00-7.55 น. เป็นเวลา 6.00-8.20 น. หรือวันละ 2.20 ชั่วโมง โดยคุณไก่ ภาษิต จะเปลี่ยนไปเป็นพิธีกรข่าว “เรื่องเด่นเย็นนี้” วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.30-18.00 น. (จากเดิมเวลา 15.45-16.45 น.) โดยเป็นรายการที่คุณสรยุทธ เข้ามาดูแลการผลิตเองด้วย
หากย้อนกลับไปในช่วงที่คุณสรยุทธ ยังทำหน้าที่พิธีกรข่าวก่อนยุติบทบาทในเดือนมีนาคม 2559 ข้อมูลเรตติ้งเฉลี่ยของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” เปรียบเทียบกับเรตติ้งเดือนล่าสุด ตกลงกว่า 60% และรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ตกลงกว่า 30%
คุณภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI มองว่าการกลับมาของคุณสรยุทธ ส่งผลดีต่อเรตติ้งรายการข่าวช่อง 3 แน่นอน แต่ก็ยังมีความท้าทาย คือ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการบริโภคสื่อ พฤติกรรมของผู้ชมหรือผู้เสพรายการข่าว หรือคอนเทนท์ประเภทข่าวเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทั้งการรับชมรายการข่าวผ่านหน้าจอทีวีช่องต่างๆ ช่องทางออนไลน์ หรือผ่าน Social Media ของสื่อ และ KOLs ที่หลากหลาย (ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น) เป็นที่นิยมมากขึ้นในวงกว้าง จนกลายเป็นพฤติกรรมหลักไปแล้วสำหรับคนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่
“การกลับมาทำหน้าพิธีกรข่าวและผู้ดูแลรายการข่าว ของคุณสรยุทธ อาจเป็นเรื่องยากและท้าทายมากที่จะดันเรตติ้งข่าว ช่อง 3 ให้กลับไปที่จุดเดิมหรือสูงกว่าเรตติ้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว”
Credit Photo : facebook เรื่องเล่าเช้านี้
“สรยุทธ” รีเทิร์น ข่าวช่องไหนสะเทือน
ตั้งแต่ปี 2559 หลังจากคุณสรยุทธ “ยุติ” การจัดรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ช่องที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกทันที คือ รายการข่าวช่วงเช้า ช่อง 7 ที่ขึ้นมาครองเรตติ้งอันดับหนึ่งถึงปัจจุบัน นอกจากนี้เรตติ้งที่ตกลงอย่างต่อเนื่องของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ทำให้ฐานผู้ชมกระจายตัว ส่งผลบวกต่อเรตติ้งรายการข่าว ช่วงเช้าของช่องอมรินทร์ทีวี เวิร์คพอยท์ทีวี ไทยรัฐทีวี และ ONE
ช่วงเวลาล็อกดาวน์จาก COVID-19 ระลอกแรก มีผลให้เรตติ้งทีวีสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติ 10-15% ผู้ชมใช้เวลาดูทีวีเฉลี่ยในแต่ละวันมากขึ้น 30 นาที ส่วนในระลอก 2 และระลอก 3 ไม่มีผลต่อเรตติ้งทีวีแต่อย่างใด
ดังนั้น การกลับคืนจอทีวีของคุณสรยุทธ ในเดือนพฤษภาคมนี้ คงต้องจับตาเรตติ้งช่องข่าวที่เคยได้อานิสงส์ไปก่อนหน้านี้ โดยฐานผู้ชมหลักๆ รายการข่าวของช่อง 3 คือกลุ่ม Gen Y Gen X เบบี้บูมเมอร์ และซิลเวอร์ ส่วนกลุ่ม Gen Z จะเสพคอนเทนท์ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก
แต่ช่อง 3 ก็มีแพลตฟอร์มออนไลน์รองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Facebook เรื่องเล่าเช้านี้ ยอด 12 ล้านไลค์ Ch3Thailand ยอด 4.7 ล้านไลค์ หรือช่อง Youtube เรื่องเล่าเช้านี้ ยอดผู้ติดตาม 7.3 ล้านราย และ Ch3Thailand ยอดผู้ติดตาม 27.7 ล้านราย
“เอเยนซี่-แบรนด์” มองมุม “บวก”
การกลับมาของกรรมกรข่าวคนดังคุณสรยุทธ นอกจากส่งผลโดยตรงกับช่อง 3 แล้ว ยังมีผลเชิงบวกกับสื่อทีวีและโฆษณาทีวี ที่จะมีผู้ชมกลับมาหน้าจอทีวีมากขึ้น เพื่อติดตามดูคุณสยุทธ
บทบาทและความนิยมในตัวสรยุทธในปัจจุบัน ภายใต้สมรภูมิสื่อที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล ที่ Social Media มีอิทธิพลต่อคนไทยอย่างมาก คุณสรยุทธไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้ดำเนินรายการข่าว แต่ถือว่าเป็น Influencer (KOL) แนวหน้าที่ทรงพลังคนนึงก็ว่าได้ เพราะนอกจากการเป็นผู้ดำเนินรายการข่าวยังเป็นผู้สร้างคอนเทนท์ข่าว นำเสนอในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และสามารถปลุกกระแสข่าว สร้างแรงกระเพื่อมในกิจกรรมต่างๆ หรือเหตุการณ์สำคัญของสังคมได้อย่างมาก
ในมุมของเอเยนซีและแบรนด์ มี Sentiment เชิงบวกกับการกลับมาทำหน้าที่พิธีกรข่าวของคุณสรยุทธ ที่เชื่อว่าจะเข้าถึงฐานผู้ชมในวงกว้างได้และขับเคลื่อนแคมเปญการตลาดของแบรนด์ได้
ปี 2564 คาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาทีวีอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท หากแบ่งสัดส่วนมาจากละคร 30% รายการข่าว 20-25% รายการวาไรตี้ 20-25% ที่เหลือมากจากรายการอื่นๆ เช่น สารคดี กีฬา จะเห็นได้ว่ารายการข่าวยังเป็นเม็ดเงินโฆษณาก้อนใหญ่ราว 8,000-10,000 ล้านบาทต่อปี
โดย MI เชื่อว่าคุณสรยุทธจะเป็น “แม่เหล็ก” สร้างเรตติ้งผู้ชมรายการข่าวช่อง 3 เพิ่มขึ้นจากเดิม “เรามองมุมบวก และจองโฆษณารายการข่าวคุณสรยุทธเพิ่มขึ้นแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นตัวเลือกที่ดีของรายการข่าวช่องทีวีดิจิทัล”