ปฏิเสธไม่ได้ว่าในไตรมาส 1 ของปีนี้ มีแบรนด์มากมายส่งแคมเปญออกมาดึงดูดความน่าสนใจกันเต็มไปหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ “ทรู 5G” รวมอยู่ด้วย กับแคมเปญใหญ่รับปี 2021 ในชื่อ “ใคร ๆ ก็ใช้ทรู ชีวิตอัจฉริยะที่เหนือกว่า” ที่ใช้ Music Marketing เป็นตัวนำ
แน่นอนว่า จุดสนใจแรกของแคมเปญนี้คือการที่ทรู 5G ดึง “เจ-เจตริน และเจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน” มาเสริมทัพพรีเซนเตอร์ รวมถึงยังได้นำเพลงในตำนานอย่าง “ฝากเลี้ยง” ซึ่งเป็นเพลงสร้างชื่อของเจ-เจตรินเมื่อ 30 ปีก่อน มาแปลงเนื้อใหม่เป็น “ฝากใช้ทรู” เพื่อสร้าง Music Marketing ที่ติดหูคนไทยได้อย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเจาะลึกลงไป เราพบว่ากลยุทธ์ Music Marketing ครั้งนี้ของทรู 5G ยังมีอีกหลายเรื่องน่าสนใจ เห็นได้จากการที่คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น อธิบายเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่เลือกเจและเจ้านาย เป็นพรีเซนเตอร์สำหรับแคมเปญนี้เพราะต้องการตอกย้ำยุทธศาสตร์องค์กร “ลูกค้าคือศูนย์กลาง” (Customer Centric) ของกลุ่มทรูให้ชัดเจนขึ้น
“ครอบครัวของเจ-เจตริน เป็นลูกค้าผู้ใช้บริการทรูนานมากกว่า 10 ปี รวมถึงใช้บริการต่าง ๆ ภายใน True Ecosystem ตลอดมา และเบอร์โทรแรกของเจ้านายก็ใช้เครือข่ายทรูด้วยเช่นกัน จึงมองว่าทั้งเจ และเจ้านายสามารถบอกต่อประสบการณ์ที่อยู่ใน True Ecosystem ได้อย่างตรงจุด”
นอกจากนั้น คุณโอลิเวอร์ยังมองว่า การเป็นพรีเซนเตอร์คู่สามารถช่วยทรู 5G ส่งสารไปถึงผู้บริโภคได้ถึง 2 เจเนอเรชั่น นั่นคือผู้บริโภคในยุค’90 ที่คุ้นเคยกับเพลงของเจ-เจตรินเป็นอย่างดี และปัจจุบันมีการเติบโตในหน้าที่การงาน อีกทั้งยังมีกำลังซื้อสูง ซึ่งทางทรู 5G วางโพสิชันของเจ-เจตริน เป็นตัวแทนของ “สิทธิพิเศษที่เหนือกว่า” ส่วนเจ้านายในฐานะศิลปินขวัญใจคนรุ่นใหม่นั้น ทางทรู 5G ได้วางโพสิชันเป็นตัวแทนของ “ความเร็วแรง” ซึ่งทรู 5G พบว่า เป็นความต้องการการใช้งานของคนรุ่นใหม่ในลำดับต้น ๆ เช่นกัน
ส่วนใครที่ยังจำได้ จะพบว่าแนวคิดในการใช้พรีเซนเตอร์ของทรู 5G เพื่อสะท้อนคุณค่าของแบรนด์นี้ เมื่อปีที่แล้วก็เคยมีแคมเปญที่สร้างอิมแพคมาแล้วเช่นกัน นั่นคือ “True 5G World อัจฉริยภาพสู่โลกใหม่ที่ยั่งยืนของเรา” ผ่าน 5 ฮีโร่ต้นแบบ ได้แก่ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์, เฌอปราง อารีย์กุล, อเล็กซ์ เรนเดลล์, หมอเจี๊ยบ – ลลนา ก้องธรนินทร์ และไอซ์ – พาริส อินทรโกมาลย์สุต ที่สะท้อนบทบาทของเทคโนโลยีอัจฉริยะ 5G ในโลกใหม่ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใน 5 มิติ ทั้งความปลอดภัย การศึกษา เกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความบันเทิง
Music Marketing สื่อภาพ True Ecosystem
“อยากให้เธอใช้ทรู มาอยู่กับทรูด้วยกัน อยู่กับทรูได้อะไรตั้งมากมาย อยู่กับทรูมีแต่ได้สุขสุดคุ้ม” แค่ได้อ่านประโยคนี้ เชื่อว่าหลายคนสามารถร้องคลอไปด้วยได้ โดยมีทำนองเพลงฝากเลี้ยงดังประกบอยู่ในสมอง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่า การใช้เพลงที่คนไทยติดหู จำง่าย แถมร้องได้กันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างฝากเลี้ยงมาแปลงเนื้อใหม่ ทำให้ทรูได้โอกาสใส่คีย์เวิร์ดสำคัญ อย่างวลีที่ว่า ทั้งเร็วทั้งแรงทั้งความไว สิทธิพิเศษเหนือกว่า ได้อะไรตั้งมากมาย ฯลฯ ลงไปในเพลง “ฝากใช้ทรู” โดยที่ผู้ฟังไม่รู้สึกติดขัด และร้องตามได้อย่างรวดเร็ว
ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ภาพยนตร์โฆษณานี้มุ่งให้กลุ่มเป้าหมายลูกค้าทั่วประเทศได้รับรู้ศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ทั้งการขยายเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ที่มีความต้องการใช้บริการแล้วครบทั้ง 77 จังหวัด โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ครอบคลุมมากสุดเกือบ 100% รวมถึงประสิทธิภาพของซิมทรูในแพกเกจ True 5G Super Max Speed ที่ให้ประสบการณ์ความเร็วแรงระดับ 1Gbps ได้แล้ว (ต้องใช้ซิมทรู 5G คู่กับอุปกรณ์ที่รองรับ 5G)
ไม่เพียงเท่านั้น ดร.ธีรเดชยังเผยว่า ทรูได้สนับสนุนสังคมไร้เงินสด โดยสามารถใช้จ่ายได้ง่ายๆ และสะดวกขึ้นผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ท สิทธิพิเศษจากทรูพอยท์ ไปจนถึงทรูการ์ด สิทธิพิเศษที่มาช่วยอัปเกรดชีวิตกันอีกต่อ ไม่นับรวมผลิตภัณฑ์ในเครือทรูอีกกว่า 50 แบรนด์ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนความเป็นผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์ระดับเอเชียของทรูได้เป็นอย่างดี
“แคมเปญนี้เป็นตัวแทนของการสื่อสารความอัจฉริยะที่เหนือกว่าของกลุ่มทรู และเป็นการสื่อสารให้เห็นภาพชัดในเรื่องอีโคซิสเต็มของกลุ่มทรูที่ครบกว่าด้วยคลื่น 7 ความถี่ ครอบคลุม 77 จังหวัด และกว่า 98% ในกรุงเทพและปริมณฑล อีกทั้งยังมี Digital Ecosystem ในด้านต่าง ๆ ที่ครบครัน ทำให้ร่วมเติมเต็มได้ทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสิทธิพิเศษของทรูร่วมกับพันธมิตรมอบให้อีกด้วย ซึ่งการนำเสนอความอัจฉริยะที่เหนือกว่านี้ จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดสำคัญที่ตรงใจผู้บริโภคชาวไทย และทำให้คนไทยทั่วประเทศที่ยังไม่เคยใช้ทรู ได้มาร่วมเป็นครอบครัวทรู และสร้างประสบการณ์ที่ดีไปด้วยกัน” ดร.ธีรเดช กล่าวปิดท้าย