บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (บี.กริม) เข้าซื้อหุ้นและลงนามร่วมทุนในบริษัท อีอีซี-ดีที กรีน พาวเวอร์ จำกัด (EEC-DT) เพื่อร่วมกันเสริมงานพัฒนาสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้แข็งแกร่งในระดับสากล โดย บี.กริม เข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของ EEC-DT ได้แก่ บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) บริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด และดร.นรี ภิญญาวัฒน์ ในสัดส่วนรวม 30% ซึ่งภายหลังการเข้าซื้อหุ้นและร่วมทุนใน EEC-DT แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ดังนี้ บริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด สัดส่วน 37% บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด สัดส่วน 30% บริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด สัดส่วน 25% และดร.นรี ภิญญาวัฒน์ สัดส่วน 8%”
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม เปิดเผยว่า “บี.กริม มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาร่วมมือกับทาง บริษัท EEC-DT ซึ่งเป็นผู้นำด้านการออกแบบพัฒนาโครงการ และได้นำนวัตกรรมใหม่จากต่างประเทศที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทยมาร่วมกันพัฒนาศูนย์กลางระบบสาธารณูปโภค (Central District Utility System) พร้อมพัฒนาเมืองและโครงการในอนาคตให้เข้าสู่แนวคิด Smart City ซึ่งจะทำให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัย นับเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมไทยขึ้นไปอีกขั้น
“แนวคิดด้านนวัตกรรมที่ล้ำสมัยผสานกับเทคโนโลยีด้านดิจิทัลนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่จะเติบโตใน อนาคต อีกทั้งเป้าหมายที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนตรงกับปรัชญาของบี.กริมในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างความศิวิไลซ์ภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เช่น ธุรกิจด้านอุตสาหกรรมของบี.กริม มีโซลูชันด้านการประหยัดพลังงานและการใช้ชีวิตให้มีสุขภาพที่ดีแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การผลิตไฟฟ้าโดยใช้ พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โครงสร้างพื้นฐานของอาคารที่ช่วยประหยัดพลังงาน เช่น กระจกและผนังกันความร้อนพร้อมลดเสียงรบกวน ไฟส่องสว่างภายในอาคารและระบบปรับอากาศแบบประหยัดพลังงาน เป็นต้น รวมไปถึงการออกแบบระบบภายในอาคารให้เป็นมิตรต่อสุขภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น ระบบควบคุมคุณภาพอากาศและยับยั้งเชื้อโรค ระบบรักษาความปลอดภัยโดยใช้ข้อมูลทางชีวภาพ (Biometric) และระบบจัดการอาคารผ่าน IoT เป็นต้น โซลูชันทั้งหมดของเราสามารถช่วยทั้งผู้ประกอบการและผู้อยู่อาศัยให้ประหยัดพลังงาน และมีสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดี อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกพร้อมลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นพันธกิจของทุกประเทศอีกด้วย
“ทางผมเองก็เป็นพันธมิตรกับ EEC และ DTGO มาอย่างยาวนานและมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาโดยตลอด เราเชื่อมั่นว่าสิ่งนี้เป็นรากฐานที่ดีในการร่วมดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ จึงสนใจเข้ามาร่วมมือในการพัฒนา โครงการต่างๆ ในอนาคต และเราพร้อมที่จะสนับสนุนธุรกิจนี้อย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน”
นางทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัท-ประธานกรรมการบริหาร บริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) กล่าวว่า ในนามของ DTGO รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มบี.กริม ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาสาธารณูปโภค และพลังงานระดับสากล ซึ่งกลุ่มบี.กริม นับว่ามีแนวคิดที่สอดคล้องกับกลยุทธ์และปรัชญาการทำงานของ DTGO และบริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด การผนึกกำลัง Synergy ร่วมกันในบริษัท EECDTครั้งนี้ ก็เพื่อเป้าหมายในการการสร้างประโยชน์ร่วมกันทำให้โลกของเราน่าอยู่และมีความยั่งยืน (Sustainable) มากขึ้น สามารถส่งต่อโลกใบนี้ให้แก่คนรุ่นหลัง การจับมือกับระหว่างพันธมิตรทั้ง 3 บริษัท นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญ ในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของโลกในภาพรวมได้ใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ และปัญหาภาวะโลกร้อน การสร้างพลังงานสะอาดเพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุขมากขึ้น เป็นการทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และทำประโยชน์ให้โลกใบนี้ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุด
“ธุรกิจหลักของ DTGO คือด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการแก้ไขปัญหาระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ และปัญหาภาวะโลกร้อน และการสร้างพลังงานสะอาด การได้ผนึกกำลังกับเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับกลุ่มบี.กริม ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาสาธารณูปโภคและพลังงาน จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ และปัญหาโลกร้อนให้ได้ภาพที่ใหญ่ขึ้นและทรงพลังมากยิ่งขึ้น อย่างการพัฒนาเมกะโปรเจกต์และเมืองอัจริยะ (SMART City) การวางระบบบำบัดน้ำเสีย และขยะ ตลอดจนการพัฒนาพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือกเพื่อใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ และโครงการอื่น ๆในอนาคต ที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ถือเป็นกลไกสำคัญช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกชีวิตและช่วยแก้ไขปัญหาของโลกใบนี้ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงเฉพาะกับมนุษยชาติแต่กับธรรมชาติและสรรพสิ่งบนโลก นับว่าสอดกับแนวคิดของ DTGO คือ “Adding Value In Everything We Do” ในการที่จะเพิ่มคุณค่าให้ประชาชน ชุมชน และสังคมโดยรวม ตลอดจนประเทศไทย และโลกใบนี้ให้น่าอยู่และมีความสุขอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้นสำหรับทุกชีวิต”
นายเกชา ธีระโกเมน ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า ในฐานะ บริษัทชั้นแนวหน้าด้านวิศวกรรมทั้งระดับชาติและนานาชาติ ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่กลุ่มบีกริม บริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจวิศวกรรมและพลังงาน ได้เข้ามาถือหุ้นและร่วมลงทุนใน EEC-DT ครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้กับ EEC-DT เพื่อพัฒนาการจัดการพลังงาน สิ่งแวดล้อม ภูมิอากาศ สร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีสำหรับการอยู่อาศัยร่วมกับธรรมชาติแบบยั่งยืน
นายกมล ตันพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอีซี-ดีที กรีน พาวเวอร์ จำกัด (EEC-DT) เปิดเผยว่า ความร่วมมือดังกล่าว เกิดจากการที่กลุ่มบีกริม เล็งเห็นว่าธุรกิจการผลิตและจำหน่ายพลังงานความเย็นโดยใช้ระบบผลิตความเย็นแบบรวมศูนย์ (Central District Cooling System) สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการมิกซ์ยูสในประเทศไทยถือเป็นเรื่องใหม่ และยังไม่มีบริษัทใดที่มุ่งเน้นให้บริการในด้านนี้โดยเฉพาะ ประกอบกับ EEC-DT ถือเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาระบบดังกล่าวสำหรับใช้ในโครงการที่อยู่อาศัยเป็นบริษัทแรกๆ ของไทย ทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบีกริมอยู่แล้ว จึงให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมมือ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจให้บริการพลังงานความเย็นให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งในแง่ของการทำธุรกิจและการทำประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการต่อยอดไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับศูนย์กลางระบบสาธารณูปโภค (Central District Utility System) อาทิ ระบบน้ำดื่มแบบรวมศูนย์ (District Drinking Water Supply) ระบบผลิตพลังงานความร้อนแบบรวมศูนย์ (District Heating System) ระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ระบบกำจัดของเสียจากศูนย์กลางทั้งน้ำเสีย และขยะ เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาเมืองหรือโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ด้วยแนวคิดเมืองอัจริยะ (SMART City) ที่จะนำเทคโนโลยีการจัดการเมืองในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และสังคมในยุค Thailand 4.0
บริษัทมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาและจัดการระบบสาธารณูปโภคภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนช่วยลดกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดย EEC-DT มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งและปฏิบัติการระบบผลิตพลังงานความเย็น (District Cooling System) และระบบผลิตพลังงานความร้อน (District Heating System) ที่ใช้พลังงานต่ำกว่าระบบตามปกติทั่วไป อีกทั้งบริษัทยังพัฒนาระบบการประหยัดน้ำ (Zero Water Waste) ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางและลดความต้องการการใช้น้ำ ทำให้โครงการใช้น้ำในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนี้ EEC-DT ได้มีการพัฒนานวัตกรรมรวมถึงเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ และทรัพยากรอื่น ๆ มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนอีกด้วย นายกมล กล่าวเสริม