หลังโควิด-19 กลับมาระบาดระลอก 3 อีกครั้ง และดูเหมือนว่าการระบาดรอบนี้จะหนักกว่าทุกรอบ จนทางการต้องออกมาตรการควบคุมโดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้ม โดยห้ามนั่งกินในร้าน ให้สั่งกลับบ้านเท่านั้น ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก และต้องเร่งปรับตัวงัดสารพัดกลยุทธ์มาสู้สุดเหวี่ยง หนึ่งในนั้น คงหนีไม่พ้น บาร์บีคิวพลาซ่า (Bar B Q Plaza) จากก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวอย่างหนัก ทั้งลุย Delivery ผุดเมนูใหม่ ไปจนถึงการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมาก ล่าสุด บาบีคิวพลาซ่า ผนึก เบทาโกร เปิดตัว “ชุดหมูเบทาโกร X บาร์บีกอน” และ “ชุดหมูเอสเพียว X บาร์บีกอน” เพื่อขยายช่องทางขายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมประกอบอาหารทานเองที่บ้านในช่วงโควิด-19 ระบาด
3 เหุตผล Bar B Q Plaza X Betagro
ความร่วมมือกันของทั้ง 2 แบรนด์นี้ มีเหตุผลสำคัญ 3 ประการ
1. ช่องทางจำหน่ายใหม่ของ “บาร์บีคิว พลาซ่า”
คุณบุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น บอกว่า “การตัดสินใจจับมือกับเบทาโกรครั้งนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้า สู่การวางจำหน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ช่วยเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ”
2. ช่องทางหารายได้ใหม่ของ “บาร์บีกอน”
นอกจากนี้ ความร่วมมือกับ “เบทาโกร” ยังเป็นครั้งแรกที่มีการเก็บค่า GP กับพาร์ทเนอร์ ในแบบที่ฟู้ดแพชชั่นยังไม่เคยทำมาก่อน โดยถือเป็นครั้งแรกในการจับมือเป็นพันธมิตรใหม่กันแบบระยะยาว ในการทำกลยุทธ์การตลาดแบบ Licensing Partnership เพื่อร่วมผนึกกำลังส่งเสริม และสนับสนุนการยกระดับวงการอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยส่งมอบชุดอาหารสดที่มีคุณภาพ และปลอดภัยสูงไปยังผู้บริโภคในราคาเป็นมิตร ท่ามกลางวิกฤติโควิด 19 ระลอก 3 พร้อมเดินหน้าบุกตลาดโมเดิร์นเทรดอย่างเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ที่ยังคงออกมาเลือกช้อปผลิตภัณฑ์อาหารสด กลับไปประกอบอาหารรับประทานเองที่บ้าน
ก่อนหน้านี้ คาแร็กเตอร์ “บาร์บีกอน” เคยไปป่วนสร้างสีสันในอุตสาหกรรมอื่นมาแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงโปรโมชั่นหรือสินค้าที่ออกมาวางจำหน่ายชั่วคราวเท่านั้น แต่กับโปรเจ็กท์นี้ นี่คือสินค้าที่วางจำหน่ายอยู่บนเชลฟ์ในระยะยาว
3.สร้างความแตกต่างให้ 2 แบรนด์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ด้าน คุณกฤษณะ วุฒิประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกร กล่าวเสริม ว่า “การร่วมมือกันครั้งนี้ นับเป็นการผนึกกำลังที่ดึงจุดเด่นของทั้งสองเข้าด้วยกัน โดยผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์คุณภาพดี สด สะอาด ปลอดภัย ที่ถือเป็นจุดเด่นของเบทาโกร และความอร่อยจาก บาร์บีคิว พลาซ่า ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในวงกว้าง นอกจากนี้ ยังถือเป็นการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงมือผู้บริโภคได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาดในการขยายฐานลูกค้าร่วมกัน และเพิ่มความหลากหลายให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสด เพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงความอร่อยเหมือนการนั่งรับประทานอาหารที่ร้านได้สะดวกมากขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์โควิด19 นี้”
นอกเหนือจาก “เนื้อหมู” แล้ว “น้ำจิ้ม” เป็นสินค้าซิกเนเจอร์อีกอย่างที่มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน ของบาร์บีคิวพลาซ่า งานนี้ในเซ็ทสินค้า “น้ำจิ้ม” ก็เข้ามาเป็นองค์ประกอบหนึ่ง จากเดิมที่พื้นที่สร้างความผูกพันของแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าอยู่ในร้านเป็นส่วนใหญ่ ก็ขยายพื้นที่มาอยู่ที่บ้านของลูกค้า ฝั่งของเบทาโกรเอง จากเดิมที่วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ตัวเองเป็นเนื้อหมูระดับพรีเมี่ยม แต่เมื่อเติมคาแร็กเตอร์ของ ‘เจ้ามังกรบาร์บีกอน’ เข้าไป ก็ทำให้เข้าถึง จดจำ และมีสีสันมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง เป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า ที่ชั่วโมงนี้การทานอาหารที่ร้านดูจะเป็นความหวังที่ผู้บริโภคคนไทยยังต้องคิดถึงบรรยากาศกันไปก่อน
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากเดิมที่ฟู้ดแพชชั่น ทำการทดสอบตลาด เปิดโมเดลธุรกิจใหม่ วางจำหน่ายชุดอาหารพร้อมปรุง GON Ready To Cook ไปเมื่อเดือนก่อน ก่อนการจับมือกับเครือเบทาโกร ออกผลิตภัณฑ์อาหารสด “ชุดหมูเบทาโกร x บาร์บีกอน” วางขายในราคาเพียง 299 บาท โดยหาซื้อได้ที่บิ๊กซี 28 สาขา สำหรับ “ชุดหมูเอสเพียว X บาร์บีกอน” วางขายในราคาเพียง 399 บาท หาซื้อได้ที่ วิลล่า มาร์เก็ต กูร์เมต์ มาร์เก็ต ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเดียร์ ทัมมี่ รวม 79 สาขา ในกรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 จะขยายจุดวางจำหน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ จากกรุงเทพฯ ออกสู่ตลาดต่างจังหวัด กว่า 400 สาขา ครอบคลุมกับความต้องการของฐานลูกค้าแฟนบาร์บีคิวพลาซ่า