“โรงพยาบาลวิมุต” สั่งซื้อโมเดอร์นาแล้ว เตรียมเปิดผู้สนใจจองฉีด คาดวัคซีนมาตุลาคมนี้

หลังวัคซีน “โมเดอร์นา” (Moderna) ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต่อจาก แอสตราเซเนกา ซิโนแวค และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน  โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งให้ความสนใจจองซื้อเพื่อเข้ามาเป็น “วัคซีนทางเลือก” ให้กับผู้สนใจเข้ามารับบริการฉีดแบบมีค่าใช้จ่าย นอกเหนือจากวัคซีนที่ภาครัฐฉีดให้ฟรี

ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโควิด -19 มี 2 กลุ่ม  คือ 1.วัคซีนที่ภาครัฐจัดหามาให้ประชาชนฉีดฟรี  ขณะนี้มี แอสตราเซเนกา ซิโนแวค และกำลังจัดหาวัคซีนอื่นๆ เพื่อเติมให้ได้ 150 ล้านโดส  โดยจะเริ่มทยอยฉีดกลุ่มใหญ่ให้ประชาชนตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป

กลุ่มที่ 2 วัคซีนทางเลือก ที่ผ่านมามีวัคซีนขึ้นทะเบียนกับ อย. แล้ว คือ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) และ โมเดอร์นา แม้ผ่านการรับรองจาก อย.แล้วก็ยังไม่มีวัคซีนจำหน่าย  โดย “ซิลลิค ฟาร์มา” ตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นา ในประเทศไทย ได้แจ้งแล้วว่าอยู่ระหว่างเจรจากับ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งจะเป็นตัวแทนภาครัฐจัดซื้อวัคซีน เพื่อเป็นไปตามข้อกำหนดบริษัทผู้ผลิตวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากนั้น อภ.จำหน่ายต่อให้โรงพยาบาลเอกชนที่สนใจ ข้อมูลปัจจุบันวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา ที่จะเข้ามาเร็วที่สุด คือไตรมาส 4 หรือเดือนตุลาคมนี้

Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand

“รพ.วิมุต” สั่งซื้อโมเดอร์นาแล้ว เตรียมเปิดจองอีก 2 สัปดาห์

 นพ.กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด ในเครือพฤกษา กล่าวว่าตั้งแต่เกิดการระบาดโควิดระลอก 2 ปลายปีก่อน รพ.วิมุต ได้ถามหาวัคซีนทางเลือกกับบริษัทตัวแทนต่างๆ ไปแล้ว ว่าหากจะซื้อ 5 หมื่นโดส จะได้วัคซีนเมื่อไหร่ ราคาเท่าไหร่ แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีคำตอบจากบริษัทตัวแทนวัคซีน เพียงแต่บอกว่ามีวัคซีน แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่

ความคืบหน้าล่าสุดหลังวัคซีนโมเดอร์นา ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว และ องค์การเภสัชกรรม ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาซื้อแทนโรงพยาบาลเอกชน   รพ.วิมุตได้จองซื้อวัคซีนโมเดอร์นาไปแล้วหลักหมื่นโดส  แต่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวแทนจะส่งมอบวัคซีนให้กับองค์การเภสัชกรรมได้เมื่อไหร่ แต่ก็คาดว่าน่าจะเป็นเดือนตุลาคมนี้

ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนบางแห่งได้วางเงินมัดจำให้กับ รพ.วิมุต จองฉีดวัคซีนทางเลือกมาแล้ว เพื่อเตรียมฉีดให้กับพนักงาน

ที่ผ่านมาการแจ้งข่าวของโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเปิดจองฉีดวัคซีนโควิด ถูกควบคุมโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  โดยจะเข้ามาตรวจสอบข้อมูลว่าโรงพยาบาลแต่ละแห่งมีวัคซีนจริงหรือไม่ ทำให้การเปิดจองของหลายแห่งถูกระงับไป  แต่วันนี้ต้องถือว่าการเตรียมนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นามีความคืบหน้าไปมากแล้ว รพ.วิมุตเองก็ได้สั่งจองซื้อแล้ว และจะสรุปเรื่องการเปิดจองฉีดวัคซีนทางเลือกภายใน 2 สัปดาห์นี้  จากนั้นจะเปิดรับจองฉีดวัคซีนทางเลือกจากประชาชนทั่วไป

สำหรับวัคซีนโมเดอร์นา ราคาต้นทุนอยู่ที่ 1,200-1,500 บาทต่อโดส ยังไม่ร่วมค่าบริการอื่นๆ  ราคาขายขึ้นอยู่กับว่าวัคซีนจะเข้ามาเมื่อไหร่ และตลาดเป็นอย่างไร แต่คาดว่าเดือนตุลาคมนี้น่าจะมีวัคซีนเข้ามาแน่นอน

ปรับแผนเปิดศูนย์สุขภาพแทนคลินิกบ้านหมอวิมุต

ส่วนธุรกิจสุขภาพ หลังใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564  ก็ได้เปิดบริการเฟสแรก โรงพยาบาลวิมุต ในย่านพหลโยธินแล้ว เป็นส่วนของคนไข้ในประมาณ 100 เตียง หรือสัดส่วน 30% จากทั้งหมด 236 เตียง โดยเปิดบริการส่วน ICU และ CCU คนไข้หนักโรคหัวใจ  รวมทั้งโรคเรื้อรังทั่วไป และเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของรัฐอีกด้วย

ปกติการเปิดดำเนินงานโรงพยาบาลต้องใช้ระยะเวลา 3 ปี ที่จะได้จำนวนคนไข้ 80-90% ของจำนวนเตียงที่มีรองรับ ปัจจุบันคนไข้นอกยังมีจำนวนไม่มาก แต่คาดว่าไตรมาสสี่ปีนี้จะมีจำนวนมากขึ้นหลังสถานการณ์โควิดระบาดคลี่คลายแล้ว

ในกลุ่มธุรกิจสุขภาพปีนี้ มีการปรับแผนการลงทุนใหม่จากเดิมจะเปิด คลินิกบ้านหมอวิมุต 2 แห่ง ในชุมชน แต่หลังจากเกิดโควิดระลอกใหม่ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ความพร้อมของอาคารสถานที่ ที่จะใช้ดูแลผู้ป่วยในชุมชนจึงปรับเป็นโมเดลใหม่ เป็นรูปแบบศูนย์สุขภาพ (Health Center) ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าคลินิกบ้านหมอวิมุต เพื่อดูแลผู้สูงอายุ กายภาพ เนิร์สซิ่ง โฮม จึงต้องมีความพร้อมของอาคาร Facilities และเทคโนโลยีครบทุกด้าน โดยเลือกทำเลที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษา

ปีนี้ได้วางแผนลงทุนศูนย์สุขภาพ  1 โครงการ ที่สุขาภิบาล 2  แต่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 เป็นศูนย์สุขภาพเฉพาะทางดูแลคนในชุมชน วางแผนเปิดปีละ 1-2 แห่ง   คาดว่าปีนี้รายได้จากกลุ่มธุรกิจสุขภาพอยู่ที่ราว 200-300 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมาย

“พฤกษา”กวาดยอดไตรมาสแรก 6,940  ล้านบาท

ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของพฤกษา ไตรมาสแรก ปี 2564  มียอดขายได้ 6,940  ล้านบาท เติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 606 ล้านบาท โดยสัดส่วนของยอดขายมาจากทาวน์เฮาส์ 51% บ้านเดี่ยว 29% คอนโดมิเนียม 20%

โครงการที่เปิดตัวในไตรมาส 1 มีจำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 1,915 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ ทั้งนี้ยังคงแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ตามเดิมที่ 29 โครงการ มูลค่ารวม 26,630 ล้านบาท

คุณปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแผนธุรกิจของพฤกษา จะสอดคล้องกับ 3 แกนหลักของเทรนด์โลก ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในวันนี้และอนาคต ดังนี้

1.เทรนด์ดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellness Redefined) โดยจะดึงความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจากโรงพยาบาลวิมุตเข้ามาเสริมธุรกิจที่อยู่อาศัย ดูแลลูกบ้านพฤกษาครบวงจร โดยมีโรงพยาบาลเป็นของชาวพฤกษาเอง

2.เทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป (Lifestyle Disruption)  เช่น แนวโน้มการทำงานจากบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น การให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ในบ้าน การใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ หรือ Internet of Things (IoT) ผนวกในใช้ในชีวิตประจำวัน

3.เทรนด์รักษ์โลกและการสร้างความยั่งยืน  เนื่องจากการมีบ้านเป็นการลงทุนทั้งชีวิต ไม่ใช่แค่เพื่อการใช้ชีวิตในวันนี้ แต่ต้องถูกคิดเพื่อชีวิตในวันพรุ่งนี้ด้วย ซึ่งเป็นที่มาของทิศทางในการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไปของแบรนด์ ภายใต้แนวคิด พฤกษา ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต “Tomorrow Reimagined”  ด้วยการคิดสร้างสรรค์ พัฒนาสินค้าและบริการตอบสนองการใช้ชีวิตของลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า