ตลาดกาแฟในประเทศไทยขยายตัวมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “กาแฟนอกบ้าน” เห็นได้จากการขยายสาขาของร้านกาแฟแบรนด์เดิมและการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ กระทั่งมาเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ตลาดกาแฟมูลค่า 60,000 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาจึงอยู่ในภาวะ “ไม่โต”
แต่หากเจาะตลาดกาแฟที่มี 2 กลุ่มหลักจะเห็นความแตกต่าง เพราะ “ตลาดกาแฟในบ้าน” มูลค่า 33,000 ล้านบาท ได้อานิสงส์จากโควิด ทำให้คนอยู่บ้าน Work From Home จึงเติบโตได้ 10% ส่วนตลาดกาแฟนอกบ้าน มูลค่า 27,000 ล้านบาท ลดลง 30-40% เพราะต้องเจอมาตรการล็อกดาวน์ ห้ามนั่งในร้าน ผู้บริโภคลดการพบปะในแหล่ง Third Place อย่างร้านกาแฟลงอย่างมาก
สถานการณ์โควิดตั้งแต่ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจกับวิธีการดื่มกาแฟชงเองที่บ้านมากขึ้น จึงเห็นการปรับตัวของสินค้ารับเทรนด์ Home Use/ Home Brew สอดรับพฤติกรรมการบริโภคกาแฟของคนไทย มุ่งสร้างประสบการณ์ “โฮมบาริสต้า” ให้กับลูกค้า ด้วยโปรดักส์ใหม่ ๆ ทำให้การบริโภคกาแฟในบ้านยังเติบโตได้
“คาเฟ่ อเมซอน” (Cafe Amazon) แบรนด์ร้านกาแฟเบอร์ 1 ในประเทศไทยมีกว่า 3,400 สาขา หนึ่งในธุรกิจ Non-oil ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เห็นโอกาสเจาะตลาดกาแฟในบ้านเช่นกัน จึงเปิดตัว Cafe Amazon Cold Brew กาแฟสกัดเย็น ที่สามารถชงเองได้ที่บ้านใน 3 ขั้นตอน คือ “ฉีก-แช่-เอาเข้าตู้เย็น 8 ชั่วโมง” ก็พร้อมสำหรับการดื่มกาแฟ ที่เหมือนมีบาริสต้าจากร้านมาชงให้ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในบ้าน
สำหรับกาแฟสกัดเย็น Cafe Amazon Cold Brew วางจำหน่าย 2 สูตร ได้แก่ “อเมซอน วัลเลย์ ซีเครท” กาแฟแท้คั่วบด สำหรับสกัดเย็น (Amazon Valley Secret Roasted Coffee For Cold Brew) กาแฟ สูตรเฉพาะจากเมล็ดกาแฟบนแหล่งปลูกในจังหวัดเชียงราย โดยเกษตรกรชาวเขาในชุมชน 3 พื้นที่ ปางขอน ผาลั้ง และแม่สลอง คั่วในระดับกลาง
“อเมซอน เฮาส์เบลนด์” กาแฟแท้คั่วบด สำหรับสกัดเย็น (Amazon House Blend Roasted Coffee For Cold Brew) กาแฟเฮาส์เบลนด์ที่มีส่วนผสมระหว่างเมล็ดกาแฟอะราบิกาและโรบัสตา จากการปลูกของเกษตรกรไทย ผ่านกระบวนการผลิตจากโรงคั่วกาแฟคาเฟ่ อเมซอน คั่วในระดับกลางถึงเข้ม
ผลิตภัณฑ์ Café Amazon Cold Brew วางจำหน่ายที่ร้าน Cafe Amazon ทุกสาขา หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Lazada และ Shopee