เป็นแพลตฟอร์มขายรถมือสองที่มีนโยบายแหวกแนวทีเดียวสำหรับ Carro สตาร์ทอัพสัญชาติสิงคโปร์ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งประกาศความเป็นยูนิคอร์นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไปหมาด ๆ กับนโยบายในการขายรถที่นอกจากจะใช้ AI ช่วยตรวจสภาพรถให้แล้ว ยังแถมมาด้วยจุดเด่นอีกข้อนั่นคือ ถ้าซื้อรถมือสองจากแพลตฟอร์มไปแล้วไม่พอใจ ภายใน 5 วันสามารถคืนรถได้เลย
สำหรับจุดแข็งที่แพลตฟอร์มเลือกนำมาใช้เจาะตลาดรถมือสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คือเรื่องของเทคโนโลยี และการคิดต่างทำต่าง โดยคุณอรรณพ เกษตระทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการวิเคราะห์สภาพรถจากภาพที่ผู้ขายอัปโหลดขึ้นมาบนแพลตฟอร์ม รวมถึงการใช้ AI วิเคราะห์เสียงเครื่องยนต์ให้ด้วยว่ามีปัญหาหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทมองว่า การมีเทคโนโลยีจะช่วยตอบโจทย์และลดความกังวลทั้งของฝั่งผู้ซื้อ – ผู้ขายลงได้ (ผู้ซื้อส่วนใหญ่กังวลว่ารถมือสองจะมีปัญหาหรือไม่ ส่วนฝั่งผู้ขายก็ต้องวิ่งหาเต็นท์รถหลายแห่งจนกว่าจะได้ราคาที่พอใจที่สุด)
กลยุทธ์คิดต่างทำต่าง
นอกจากการนำ AI มาใช้แล้ว กลยุทธ์อย่างการคิดต่างทำต่าง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่เปิดให้ผู้ซื้อสามารถคืนรถได้หากไม่พอใจ ภายใน 5 วัน หรือการรับประกันรถยนต์หลังซื้อไปนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นพอสมควร
เพื่อตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคในยุค Covid-19 ทางบริษัทยังมีบริการให้ทดลองขับได้ก่อนตัดสินใจซื้อ และมีบริการส่งรถให้ถึงบ้านอีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่กล่าวมาสามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด
โดยกระบวนการซื้อ-ขายรถยนต์กั
ปัจจุบัน CARRO เปิดให้บริการแล้วใน 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย และเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทยังมีการระดมทุน Series C ได้ 360 ล้านเหรียญสหรัฐจากนักลงทุนยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น SoftBank Vision Fund 2 รวมทั้ง EDBI, Mitsubishi Corporation, MS&AD Ventures, Insignia Ventures Partners และ B Capital Group โดยทางบริษัทระบุว่า จะนำเงินที่ได้ไปพัฒนา AI และขยายกิจการในไทยและอินโดนีเซียเพิ่มอีกเท่าตัว
ลานประมูลออนไลน์ “CARRO Floor Auction”
นอกจากเจาะกลุ่มผู้บริโภคแล้ว สำหรับลูกค้าองค์กร Carro ยังมีอีกหนึ่งช่องทางนั่นคือ CARRO Floor Auction สำหรับเป็นลานประมูลออนไลน์ เพื่อรองรับรถจากสถาบันและบริษัทพันธมิตรต่าง ๆ โดยจะเป็นการนำเข้าการประมูลออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่ไปด้วยกัน
Carro Automall จุดเชื่อมประสบการณ์ O2O
สำหรับการขยายกิจการในประเทศไทยนั้น หัวใจสำคัญอาจเป็น Carro Automall ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับรับ-ส่งรถให้กับลูกค้า ที่ปัจจุบันมีอยู่ 2 สาขา นั่นคือย่านเกษตร-นวมินทร์ และย่านดอนเมือง ทั้งนี้ แผนของบริษัทจะขยาย Carro Automall เพิ่มเป็น 4 สาขา โดยจะเลือกสถานที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก
ความสำคัญของ Carro Automall คือการเป็นสถานที่ที่สร้างประสบการณ์ซื้อขายแบบ online to offline แบบไร้รอยต่อ (Seamless) ซึ่งคุณอรรณพบอกว่า เป็นการลงทุน 100% โดยบริษัทเนื่องจากต้องการควบคุมคุณภาพในส่วนนี้ด้วยตัวเอง
สำหรับตัวเลขค่าใช้จ่ายของการซื้อขายรถ 1 คันบนแพลตฟอร์ม Carro นั้น คุณอรรณพเผยว่า อยู่ระหว่าง 200,000 – 800,000 บาทต่อคัน นอกจากนั้น Carro ยังเปิดเผยด้วยว่า ในแต่ละเดือน บริษัทมียอดขายรวมกันมากกว่า 13,000 คัน โดยในตลาดประเทศไทย รถยนต์สามอันดับแรกที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือรถ Eco Car, SUV และรถยนต์นั่งขนาดใหญ่
มองแง่ดี ตลาดรถมือสองยังไปได้ไกล
เมื่อถามถึงมุมมองเกี่ยวกับตลาดรถยนต์มือสอง กับแผนการรุกตลาดประเทศไทยของ Carro ที่จะเกิดขึ้น คุณอรรณพให้ความเห็นว่า ยังเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีโอกาสสูง พร้อมยกตัวอย่างพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุค Covid-19 ที่เอื้อต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์มือสอง 3 ข้อ ได้แก่
- ผู้คนหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถสาธารณะเพราะไม่อยากเสี่ยงกับไวรัสโดยไม่จำเป็น
- ผู้คนมีแนวโน้มใช้จ่ายโดยพิจารณาจากความคุ้มค่ามากขึ้น
- ผู้คนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น (ยกตัวอย่างเช่น ลดการเดินทางไปเต็นท์รถ หรือโชว์รูมรถยนต์เพื่อทดลองขับ)
ทั้งหมดนี้ทำให้ซีอีโอ Carro จึงมองว่า หากมีแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยคัดเลือกรถ – ตรวจคุณภาพรถให้ก่อน หรือในฝั่งผู้ขาย หากมี AI ช่วยประเมินราคารถ แทนที่จะต้องวิ่งไปตามเต็นท์ต่าง ๆ ก็ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับแพลตฟอร์มได้ในระยะยาว
“มูลค่าการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Carro Thailand เติบโตขึ้นเป็น 6 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2020 และส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ เกิดจากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม AI เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ” คุณอรรณพกล่าวปิดท้าย