มูลค่าของเงินคริปโตผันผวนอีกครั้งเมื่อ “อีลอน มัสก์” (Elon Musk) เจ้าพ่อเทสล่า (Tesla) ออกมาทวีตรูปหัวใจแตกสลาย พร้อมแท็กคำว่า Bitcoin โดยทำให้มูลค่าของเหรียญลดลง 3.4% อย่างรวดเร็ว (มูลค่าเมื่อ 10.50 น. ของวันศุกร์ตามเวลาฮ่องกง)
ข้อมูลจาก Coindesk ยังชี้ด้วยว่า แม้จะผ่านช่วงเที่ยงวันมาแล้ว มูลค่าของบิทคอยน์ก็ยังไม่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตรงกันข้าม มันยิ่งลดลงเรื่อย ๆ โดยปัจจุบันลดลงต่ำกว่า 37,000 เหรียญสหรัฐไปแล้วเรียบร้อย และนั่นทำให้เริ่มมีหลายฝ่ายออกมากล่าวเตือนว่านี่คือจุดอ่อนที่แท้จริงของเงินคริปโต
ทั้งนี้ หากย้อนอดีตไปเมื่อวันแรก ๆ ของการเกิดสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมาในโลก หลายคนยกย่องว่ามันจะกลายเป็นสกุลเงินแห่งอนาคต เนื่องจาก (มูลค่า) ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือองค์กรเอกชน อีกทั้งยังสามารถทำธุรกรรมได้ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องมีตัวกลาง และทุกการทำธุรกรรมมีการบันทึกไว้อย่างชัดเจนผ่านบล็อกเชน
แต่มาถึงวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า สกุลเงินแห่งอนาคตเหล่านั้น กลับถูกคนเพียงไม่กี่คนปั่นเล่นไปมาอย่างสนุกสนาน ขนาดที่ผู้ว่าการรัฐไมอามีอย่าง Francis Suarez ยังออกมาแซวว่า “อีลอน มัสก์” คนที่ยกย่องคริปโตเสียมากมายนี่แหล่ะ คือ “จุดอ่อน” ที่ขัดขวางการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลอย่างแท้จริง เพราะการทวีตของอีลอน มัสก์ เพียงหนึ่งหรือสองครั้ง ก็สามารถขยับเขยื้อนตลาดนี้ได้มากถึง 10 – 20% ซึ่งสกุลเงินที่อ่อนไหวระดับนี้ไม่สามารถใช้เป็นเงินตราทดแทนสกุลเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้น การทวีตของอีลอน มัสก์ยังเกี่ยวพันกับการลงทุนในบิทคอยน์ด้วยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทของเขาก็มีการซื้อบิทคอยน์ไว้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีโอกาสแสวงหาประโยชน์จากบิทคอยน์ได้อย่างง่ายดาย เช่น การทวีตว่า เขาจะรับเงินชำระค่ารถเทสล่าด้วยบิทคอยน์จนทำให้มูลค่าของเหรียญพุ่งสูง หรือการที่อยู่ดี ๆ ก็ออกมาบอกว่า จะไม่ให้จ่ายค่ารถเทสล่าด้วยบิทคอยน์ได้อีกแล้ว เพราะมันทำลายสิ่งแวดล้อม จนทำให้ราคาของเหรียญดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา การสื่อสารของ Elon Musk เกี่ยวพันกับราคาของตลาด Cryptocurrency หลายประการ เช่น เขาเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ทวิตเตอร์ของตัวเองเป็นรูป bitcoin หรือการที่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบ่น และขู่เขาว่าให้เลิกกล่าวถึงคริปโตฯ สักที