นับตั้งแต่ต้นปีที่ไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดซ้ำรอบใหม่ จนทุกคนต้องกลับมา WFH และกักตัวอยู่บ้านนานหลายเดือน หลายคนคงเบื่อกับการอยู่บ้านและคิดถึงการออกมาท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อสถานการณ์หลายๆ อย่างเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น การเดินทางท่องเที่ยวคงกลับมาฟื้นตัวและคึกคักกันอีกครั้ง
มาดูผลสำรวจ Barometer จาก ยุโรป แอสซิสแทนซ์ (Europ Assistance) ซึ่งจัดทำขึ้นโดย IPOS เพื่อเผยให้เห็นความพร้อมและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวว่าเปลี่ยนไปอย่างไร อยากท่องเที่ยวแบบไหน และมีการวางแผนเที่ยวอย่างไร เพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมได้เข้าใจ และเตรียมพร้อมรับมือกับการท่องเที่ยวที่จะเปลี่ยนไปหลังจากนี้
คนไทยกว่า 44% พร้อมเที่ยวมาก
ผลสำรวจ Barometer ล่าสุด ได้สำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวจำนวน 14,000 ราย จาก 14 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยพบสิ่งที่น่าสนใจ ดังนี้
- 44% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยวางแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน 2564 นี้ ซึ่งในจำนวนนี้ 55% จองทริปแล้ว แต่ 64% จากกลุ่มดังกล่าว ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศ
- นักท่องเที่ยวชาวไทยวางแผนท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติและห่างไกลผู้คน โดยเลือกไปทะเล 57% ภูเขา 40% และอีก 34% วางแผนเดินทางไปต่างจังหวัดมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่คนพลุกพล่านอย่างในตัวเมือง
- ประเทศปลายทางที่นักท่องเที่ยวไทยอยากเดินทางไปมากที่สุดคือ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์
- นักท่องเที่ยวชาวไทยวางแผนใช้จ่ายท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยราว 53,000 บาท
- 48% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยรู้สึกอุ่นใจด้วยการเลือกเดินทางท่องเที่ยว โดยรถยนต์ส่วนตัว และอีก 42% เลือกเดินทางโดยเครื่องบิน
- 81% วางแผนซื้อประกันการเดินทางในอนาคต ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 11% จากปีที่แล้ว ที่มีจำนวน 70%
- 86% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยตัดสินใจแน่นอนและมีแนวโน้มที่จะฉีดวีคซีนต้านโควิด-19 เพื่อที่จะเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง
- 74% ของนักท่องเที่ยวขาวไทยหันมาใช้ขวดน้ำพกพาแทนขวดน้ำพลาสติกใช้แล้วทิ้ง และอีก 22% ตั้งใจจะเปลี่ยนมาใช้ขวดน้ำพกพาเช่นกัน นอกจากนี้ 97% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยตั้งใจอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นและช่วยเหลือเศรษฐกิจของคนในพื้นที่มากขึ้น ด้วยการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น (95%) และพักที่โรงแรมของคนในพื้นที่ (96%)
นักท่องเที่ยวกังวล “ความปลอดภัย-กักตัว”
นอกจากการวางแผนท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว ผลสำรวจนี้ยังพบพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่น่าสนใจ โดยนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน 47% ยังไม่ตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวยุโรป (อิตาลี 61% สเปน และฝรั่งเศส 54%) และชาวจีน 61% เลือกวางแผนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของตน
ขณะเดียวกัน เมื่อถามนักท่องเที่ยวชาวจีนว่า หากสามารถกลับมาเดินทางได้ตามปกติ อยากเดินทางไปประเทศไหนมากที่สุด พบว่า ไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่อยากไปมากที่สุด และหลายคนจะตื่นเต้นที่จะได้กลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่การสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวมากกว่าครึ่งยังกังวลถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของคนในครอบครัวและเพื่อน โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยกังวลมากสุด 76% รองลงมาคือ ชาวจีน 73% และนักท่องเที่ยวชาวยุโรป 71%
โดยความกังวลนี้ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนเพียงเล็กน้อยที่ได้ทำการจองทริปท่องเที่ยวแล้ว อย่างไรก็ตาม ความกังวลนี้จะผ่านไป เพราะนักท่องเที่ยวยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาท่องเที่ยวได้อย่างอิสระในสภาวะปกติอีกครั้งภายในอีก 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ผลสำรวจยังเผยว่า มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 33% ที่รู้สึกปลอดภัยที่จะกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้งในช่วงปลายปี 2565 และอีก 27% ที่มองไปถึงปลายปี 2566
นอกจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพแล้ว การ “กักตัว” ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรป (35%) และชาวอเมริกัน (46%) โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ต้องการที่จะกักตัวก่อนหรือหลังทริปท่องเที่ยว ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทย 83% และชาวจีน 75% ยินดีปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวนี้
ทั้งหมดนี้ถือเป็นข้อมูลที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถจะนำไปปรับใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ให้สอดรับกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน และเมื่อสถานการณ์ระบาดคลี่คลาย ทุกคนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้เหมือนเดิม ธุรกิจก็สามารถเปิดแขนรับนักเที่ยวเที่ยวได้อย่างทันท่วงที