ถ้าดูภูมิทัศน์การแข่งขัน “ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันกลายเป็นสนามของยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะสองผู้เล่นสำคัญอย่าง LAZADA และ Shopee เนื่องจากหัวใจสำคัญของธุรกิจเทคโนโลยีคือ การลงทุนด้านต่างๆ ตั้งแต่เทคโนโลยี ระบบ Infrastructure เช่น คลังสินค้า โลจิสติกส์ ด้านแบรนด์ ด้านการตลาด ด้านบุคลากร
ควบคู่ไปกับการสร้าง Business Ecosystem ให้ครบวงจร โดยในระบบนิเวศธุรกิจ ต้องมีทั้งฐานผู้ใช้งานจำนวนมาก และพาร์ทเนอร์ธุรกิจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์สินค้า และผู้ประกอบการธุรกิจ SME ที่นำสินค้ามาวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม พาร์ทเนอร์ด้านการตลาด ด้านการเงิน และด้านโลจิสติกส์
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือด! ยังมีหนึ่งผู้เล่นที่แข่งขันได้ในวงล้อมผู้เล่นยักษ์ใหญ่ นั่นคือ “Pomelo Fashion”
จากจุดเริ่มต้นของการเป็นสตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซด้านสินค้าแฟชั่นที่เปิดตัวเมื่อกว่า 8 ปีที่แล้ว ถึงวันนี้ Pomelo ได้พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มแฟชั่น “Omni-channel” ที่เชื่อมต่อทั้งช่องทาง Online และ Physical Store โดยมีผู้เข้าใช้มากกว่า 40 ล้านคนในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ล่าสุด เพื่อสร้างการเติบโตที่มากไปกว่าการเป็นแพลตฟอร์มแฟชั่นออนไลน์ “Pomelo” จึงได้ขยายฐานธุรกิจ ด้วยการเปิดตัว “Prism” แพลตฟอร์มแบรนด์ Solutions สำหรับเจาะกลุ่มลูกค้า B2B ในธุรกิจแฟชั่น โดยแยกออกมาเป็นอีก Business Unit หนึ่งของบริษัท
ขณะเดียวกันกำลังศึกษาเผยแผนระดมทุนในหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นโมเดลนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ระดมทุน Series D หลังจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Pomelo ได้ระดมทุน Series C เวลานั้นได้ไป 52 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเซ็นทรัลเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุน
สำรวจตลาดแฟชั่นออนไลน์ 2.5 หมื่นล้าน โตสวนวิกฤต COVID-19 และจีนเริ่มฟื้นกลับมา
สถานการณ์ COVID-19 มีทั้งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ และธุรกิจที่กลายเป็นโอกาส สำหรับ “ธุรกิจแฟชั่นออนไลน์” อาจมองว่าได้รับผลกระทบ เพราะคนต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตรูปแบบ Work From Home ย่อมส่งผลให้ความต้องการช้อปเสื้อผ้าแฟชั่นลดลง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่มีผลต่อกำลังซื้อ
แต่ในความเป็นจริง COVID-19 กลับกลายเป็น “โอกาส” ให้กับธุรกิจแฟชั่นออนไลน์ เนื่องจากเมื่อคนอยู่กับบ้านมากขึ้น ใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์นานขึ้น จึงสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งสินค้าแฟชั่น เพียงแต่ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนการซื้อเสื้อผ้า จากที่ซื้อชุดทำงานนอกบ้าน ก็เปลี่ยนไปซื้อชุดลำลอง หรือชุดอยู่บ้านแทน
คุณอริยะ พนมยงค์ คณะกรรมการ Pomelo Fashion ฉายภาพโอกาสธุรกิจออนไลน์ว่า ทุกครั้งที่เจอวิกฤต จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้น ยิ่งในปี 2563 ที่เกิด COVID-19 ยิ่งเพิ่มขึ้นมาก จากรายงานของ Google และ Temasek ระบุว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นมาเป็น 40 ล้านคน
ยอดขายในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซขยายตัวขึ้นทุกปี
ปี 2019 มูลค่ากว่า 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2020 มูลค่ากว่า 220,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 35%
ปี 2025 คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“อุตสาหกรรมแฟชั่นออนไลน์ แม้จะอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาด แต่อุตสาหกรรมแฟชั่นออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตกว่า 22% เห็นได้จากยอดขายสินค้าทั้งหมด (Gross Merchandise Value: GMV) มีมูลค่าสูงถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2563 เพราะคนต้องอยู่บ้าน และในช่วงที่ห้างฯ หรือศูนย์การค้าต้อง Lockdown สิ่งที่ตามมาคือ ผู้คนย้ายไปอยู่บนออนไลน์
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึงหกเท่าของตลาดในปัจจุบัน โดยมีมูลค่าราว 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เห็นได้ชัดว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นมีศักยภาพอย่างมากที่จะเติบโต”
สำหรับตลาดในไทย หากภายในปี 2021 คนไทยได้รับวัคซีน COVID-19 คิดเป็น 70% ของประชากรทั้งประเทศ จะส่งผลให้ธุรกิจแฟชั่นกลับมา
– ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง จะกลับมาใช้จ่ายหลังจากอัดอั้นมาระยะหนึ่งแล้ว โดย 30% ของการใช้จ่ายจะไปอยู่กับการช้อปปิ้งเสื้อผ้า
– ตลาดแฟชั่น และผลิตภัณฑ์ความงามบนอีคอมเมิร์ซในตลาดไทย เติบโต 27%
คุณเดวิด จู CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Pomelo Fashion ยกตัวอย่างถึงประเทศจีน เวลานี้ธุรกิจแฟชั่นออนไลน์เริ่มกลับมาแล้ว หลังจากผ่านสถานการณ์ COVID-19 โดยปัจจุบันตลาดแฟชั่นออนไลน์ในจีน คิดเป็น 32% ของตลาดรวมอุตสาหกรรมแฟชั่น โดยผู้บริโภคจะซื้อผ่านแอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มแฟชั่นออนไลน์ และช่องทางออนไลน์ของแบรนด์โดยตรง
ทั้งนี้ ปัจจุบัน Pomelo มีทั้งช่องทางออนไลน์ และร้านสาขา รวม 25 สาขา แบ่งเป็นในประเทศไทย 20 สาขา สิงคโปร์ 2 สาขา อินโดนีเซีย 2 สาขา และมาเลเซีย 1 สาขา ซึ่ง Physical Store ทุกสาขามีบริการ Tap. Try. Buy. เพื่อให้ลูกค้าสามารถมาลองสินค้า และคืนสินค้าที่ร้านสาขาได้เลย
ขณะที่จำนวนแบรนด์ มีทั้งหมด 200 แบรนด์ โดย 75% เป็นแบรนด์ SME ซึ่งเป็น Local Brand และอีก 25% เป็น International Brand ซึ่งมูลค่าเฉลี่ยของตระกร้าสินค้า Pomelo ของนักช้อปชาวไทย อยู่ที่ 2,790 บาท (90 เหรียญสหรัฐ) ต่อตระกร้า
ทำความรู้จัก “Prism” แพลตฟอร์ม Brand Solutions ธุรกิจแฟชั่นครบวงจร กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า B2B
หลังจากเป็นแพลตฟอร์มแฟชั่นออนไลน์ ที่มีฐานลูกค้าเป็น End Consumer มาโดยตลอด ล่าสุดเพื่อสร้างการเติบโตมากขึ้น เพื่อเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มขายสินค้าแฟชั่น หากแต่เป็นการนำเสนอ Brand Solution ครบวงจรให้กับแบรนด์แฟชั่น ได้เปิดตัว “Prism” ซึ่งเป็นอีกหน่วยธุรกิจแยกออกมาจาก Pomelo เพื่อเจาะตลาด B2B โดยเฉพาะ
Brand Services ของ Prism ประกอบด้วย
– Core Commerce
จากการเติบโตของ Pomelo จึงนำความเชี่ยวชาญด้านการธุรกิจแบบ Online สู่ Offline มาใช้ในการให้คำปรึกษาแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อการเติบโตในอุตสาหกรรม Omnichannel ของแบรนด์ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนกลยุทธให้เหมาะกับแบรนด์ การจัดการ และการสร้างคอนเทนต์ วิธีการ Omnichannel และฟีเจอร์ Tap.Try.Buy.
– Data Analytics
Pomelo มีฐานข้อมูลทางธุรกิจที่สามารถนำไปใช้วิเคราะห์ Profile ลูกค้า แบ่งกลุ่มลูกค้า ติดตามเทรนด์ ข้อมูลเชิงลึก และคำแนะนำเชิงปฏิบัติ ที่จะทำให้แบรนด์เติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง
– Global Logistics
นำเสนอเครือข่ายโลจิสติกส์ และคลังสินค้าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีคลังและศูนย์กระจายสินค้าทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งรวมถึงการบริการ การแพ็คสินค้า การจัดการสินค้าย้อนกลับ การแก้ปัญหาด้านภาษี/พรมแดน และการบริการลูกค้า
– Trading and Merchandising
มีทีมงานช่วยพัฒนาแบรนด์ลูกค้า ตั้งแต่การออกแบบและการผลิตสินค้า โดยอิงจากการคาดการเทรนด์ และความต้องการของลูกค้า โดยใช้ Machine Learning สัมผัสประสบการณ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบทางเทคนิค การผลิตเสื้อผ้าไซส์ต่าง ๆ การจัดหาวัสดุพร้อมกับนักออกแบบที่เก่งที่สุดของเรา
– Marketing
นำเสนอกลยุทธ์การตลาดแบบบูรณาการ และการตลาดแบบข้ามช่องทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และสามารถปรับให้เข้ากับแต่ละพื้นที่เพื่อให้ตอบโจทย์กับแบรนด์ที่สุด
– Creative
สร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการ ทำแคมเปญ ใช้สื่อโซเชียลช่องทางต่างๆ ถ่ายภาพ ออกแบบแพคเกจจิ้ง และการสร้างคอนเทนต์ในภาษาของแต่ละพื้นที่
จับตา Pomelo จะได้เป็นยูนิคอร์นหรือไม่ ? เผยศึกษาแผนระดมทุนหลายทาง “IPO” คือหนึ่งในนั้น
หนึ่งในความฝันของสตาร์ทอัพ คือ ก้าวสู่การเป็น “ยูนิคอร์น” ที่มูลค่าบริษัทแตะระดับ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป หรือกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งหนทางจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้ ไม่ง่าย! เพราะโมเดลธุรกิจต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว และต้องผ่านการระดมทุนครั้งใหญ่
สำหรับ Pomelo ที่ผ่านมาลุยตลาดแพลตฟอร์มแฟชั่นดิจิทัลมา 8 ปี และล่าสุดขยายมาเปิด Prism เจาะตลาด B2B โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าตลาด B2B เป็นฐานใหญ่ และการนำเสนอบริการรูปแบบ Brand Solution ครบวงจร ย่อมสร้าง Value ธุรกิจได้มากกว่า จึงน่าสนใจว่าฐานธุรกิจที่มีในวันนี้ บวกกับแผนการระดมทุน จะเป็นก้าวสำคัญที่ผลักดันให้ Pomelo ไปถึงระดับยูนิคอร์นได้หรือไม่ ?
คุณเดวิด จู กล่าวว่า Pomelo เป็นบริษัทเทคโนโลยีพัฒนาแพลตฟอร์มแฟชั่น Omni-channel ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการก้าวสู่ระดับยูนิคอร์น เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ ดังนั้นเพื่อสร้างการเติบโตมากขึ้น เราได้ศึกษาการระดมทุนในหลายแนวทาง รวมถึงการจดทะเบียนใน SET ด้วยเช่นกัน
คุณเดวิด จู, CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Pomelo Fashion
ทางด้าน คุณอริยะ ขยายความเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญของธุรกิจเทคโนโลยี คือ ต้องมีการลงทุน ซึ่งเรามีแผนในการเติบโต โดยต้องมาดูกันอีกทีว่าทางเลือกไหนเหมาะที่สุดในจังหวะนั้นๆ
“การไปสู่ยูนิคอร์น ผมเชื่อว่าเป็นความฝันของหลายคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมวงการเทคโนโลยี วันนี้ในประเทศไทย มีอยู่ไม่กี่บริษัท ที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะขึ้นมาในระดับนี้ได้ ซึ่งผมคิดว่า “Pomelo Prism” คือ หนึ่งในนั้น และเราไม่ใช่แค่ทำตลาดในประเทศไทยเท่านั้น แต่เราเป็น Regional Player ด้วย
นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ Pomelo แตกต่างจากอีคอมเมิร์ซอื่น คือ เราใช้สมองทั้งซีกขวา และซีกซ้าย โดยฝั่งขวาคือ เป็นเรื่องของแฟชั่น แบรนด์ ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งปกติเวลาพูดถึงอีคอมเมิร์ซ เราไม่ค่อยนึกถึงฝั่งนี้ แต่สำหรับธุรกิจแฟชั่น ต้องใช้สมองซีกนี้ ในขณะที่สมองซีกซ้าย คือ ความเป็นแพลตฟอร์ม เทคโนโลยี และ Data ดังนั้น Pomelo คือ มีส่วนผสมของทั้งสองฝั่ง นี่จึงทำให้เรามีความแตกต่าง
อย่างไรก็ตาม ในวงการเทคโนโลยี เราหยุดนิ่งไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นเป้านิ่งทันที วันนี้ความท้าทายของ Pomelo คือ ทำให้เราเติบโตเร็วสุด เราจึงเปิดตัว Prism เพราะเราเชื่อว่าจะเป็นอนาคตของ Pomelo” คุณอริยะ สรุปทิ้งท้าย
คุณอริยะ พนมยงค์ คณะกรรมการ Pomelo Fashion
