HomePR Newsเอสเอพี เปิดตัวการขยายเครือข่ายธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยโฉมโซลูชั่นอุตสาหกรรมล่าสุด พร้อมขับเคลื่อนผลการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น [PR]

เอสเอพี เปิดตัวการขยายเครือข่ายธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยโฉมโซลูชั่นอุตสาหกรรมล่าสุด พร้อมขับเคลื่อนผลการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น [PR]

แชร์ :

เอสเอพี เอสอี (NYSE: SAP) ประกาศวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญ ด้านการสร้างเครือข่ายชุมชนทางธุรกิจรูปแบบใหม่ ภายในงานแสดงเทคโนโลยีประจำปี SAPPHIRE NOW® เพื่อช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ทางธุรกิจ นำพาให้องค์กรสามารถเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงผลักดันการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในการสร้างความยั่งยืน ขณะเดียวกัน เอสเอพี ได้เผยขั้นตอนแรกสู่การสร้างเครือข่ายธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย SAP® Business Network ซึ่งผนวกรวม Ariba® Network, SAP Logistics Business Network และ SAP Asset Intelligence Network เข้าไว้ด้วยกัน โดยองค์กรกว่า 5.5 ล้านแห่ง ที่เชื่อมต่อกันจะได้รับประโยชน์จากการเป็นสมาชิกของเครือข่ายชุมชนนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สำหรับการประกาศเปิดตัวในครั้งนี้ เอสเอพียังได้เผยนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นดิจิทัลและทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็นอินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากชุดแอพพลิเคชั่นธุรกิจด้านความยั่งยืนใหม่ ที่มีความโปร่งใสในการติดตามข้อมูลและความสามารถด้านการวัดผลทั่วทั้งระบบซัพพลายเชนอย่างครอบคลุม

นายคริสเตียน ไคลน์ ซีอีโอและกรรมการบริหารของ เอสเอพี กล่าวว่า “สถานการณ์ต่างๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ได้ตอกย้ำให้พวกเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของเครือข่ายชุมชนทางธุรกิจที่พวกเราต่างเป็นส่วนหนึ่งในนั้น วิสัยทัศน์ใหม่ของเรา คือ การสร้างเครือข่ายชุมชนทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับทุกบริษัทในซัพพลายเชนของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย และเปิดโอกาสในการสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจระหว่างอุตสาหกรรม”

ในขณะที่ทุกคนล้วนเคยเห็นพลังของเครือข่ายทางสังคมในชีวิตส่วนตัวมาแล้ว การสร้างเครือข่ายระบบนิเวศน์แบบเดียวกันนี้สำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการมองหาพาร์ทเนอร์เพื่อทำธุรกิจร่วมกัน จะมีความแตกต่างกว่าที่เคยเป็นมา สมาชิกของ SAP Business Network เครือข่ายชุมชนทางธุรกิจรูปแบบใหม่ จะสามารถเข้าถึงพอร์ทัลที่รวมศูนย์ไว้ในที่เดียวและสามารถมองเห็นภาพรวมของระบบนิเวศน์ซัพพลายเชน ระบบโลจิสติกส์และการตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงการจัดการและการบำรุงรักษาอุปกรณ์และการดำเนินงาน (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ “SAP เปิดตัว SAP Business Network”)

แน่นอนว่าช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19  องค์กรที่สามารถปรับตัวได้ดีที่สุดท่ามกลางความไม่แน่นอน คือ องค์กรที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธุรกิจ ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์เพียงอย่างเดียวแต่ไม่ได้ปรับกระบวนการทางธุรกิจหลักสู่ระบบดิจิทัลอาจปรับตัวได้ไม่ดีเท่าที่ควร และเพื่อเป็นการช่วยให้ทุกองค์กรดำเนินงานได้อย่างคล่องตัวในแบบ อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ เอสเอพี เปิดตัว RISE with SAP transformation packages for specific industries ซึ่งต่อยอดจากความสำเร็จในการเปิดตัว RISE with SAP เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย RISE with SAP transformation packages for specific industries พร้อมมอบบริการที่มุ่งพลิกโฉมทางธุรกิจด้วย 5 โซลูชั่นคลาวด์ที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ สาธารณูปโภค และ เครื่องจักรและส่วนประกอบทางอุตสาหกรรม (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ “เริ่มการเดินทางสู่การทำดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นด้วย RISE with SAP for Industries” )

แม้ในปีที่ผ่านมา การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะลดน้อยลงในช่วงสั้นๆ สวนทางกับปีนี้ที่ปริมาณการปล่อยก๊าซเพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับสองในประวัติการณ์ การสร้างความยั่งยืนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของธุรกิจเทียบเท่ากับรายได้และผลกำไร ซึ่งถึงเวลาแล้วที่องค์กรต่างๆ ต้องตระหนักและลงมือผลักดันด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม เอสเอพี ตั้งเป้าหมายหลักในการส่งเสริมให้ ‘การปกป้องภูมิอากาศ’ (Climate protection) สามารถวัดผลได้ พร้อมเดินหน้าผลักดันด้านอื่นๆ อาทิ สนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างของพนักงาน การทำให้ความรับผิดชอบตามหลักจรรยาบรรณมีความโปร่งใส

จากความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายนี้และทำให้กระบวนการทางธุรกิจหลักดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน เอสเอพี ประกาศเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะด้านความยั่งยืนชุดใหม่ ประกอบด้วยโซลูชั่น SAP Responsible Design and Production ที่มาประสิทธิภาพซึ่งจะช่วยให้นักออกแบบผลิตภัณฑ์มีทางเลือกในการสร้างความยั่งยืนตั้งแต่ช่วงต้นของการสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการผลิต รวมถึง โซลูชั่น SAP Product Footprint Management ที่ส่งมอบบริการสำหรับติดตามความยั่งยืนผ่านวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ และ โซลูชั่น SAP Sustainability Control Tower ทำให้องค์กรมองเห็นภาพรวมการดำเนินงานที่ครอบคลุม (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ “การจัดการความยั่งยืนโดยเอสเอพี: เริ่มต้นวันนี้เพื่อวันพรุ่งนี้” )

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SAP News Center ติดตามเอสเอพีทางทวิตเตอร์ได้ที่ @sapnews


แชร์ :

You may also like