เมื่อ 15 ปีที่แล้ว กลุ่มทรู สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในแวดวงธุรกิจ และการตลาดในไทย ด้วยการขยายจากธุรกิจโทรคมนาคม ไปสู่ธุรกิจร้านกาแฟ ในชื่อ “TrueCoffee” (ทรูคอฟฟี่) เพื่อเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างประสบการณ์ผลิตภัณฑ์ และบริการภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของกลุ่มทรู ที่เวลานั้นมีวิสัยทัศน์ “Convergence Lifestyle” และทำให้การใช้งานดิจิทัล เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทย
ตลอดระยะเวลากว่า 1 ทศวรรษ TrueCoffee ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ทรู ไลฟ์สไตล์ รีเทล จำกัด ได้พิสูจน์ให้เห็นความสำเร็จในฐานะเชนร้านกาแฟสัญชาติไทย ที่สามารถเติบโตและแข่งขันได้ ท่ามกลางการเกิดขึ้นของร้านกาแฟมากมาย
มาวันนี้ การเดินทางของ TrueCoffee กำลังยกระดับไปอีกสเต็ป ด้วยแนวคิดความคิดใหม่ Cafe. Community. Connected. เพื่อตอกย้ำการเป็นร้านกาแฟผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ทั้งมีเมล็ดกาแฟหลากหลายแหล่งปลูกให้เลือก โดยเฉพาะจากในไทย และขั้นตอนการชง ผสานเข้ากับจุดแข็งด้าน “Digitalization” คุณค่าหลักของกลุ่มทรู ที่สร้างความแตกต่างให้กับ TrueCoffee
นี่จึงเป็นก้าวสำคัญของ TrueCoffee ในการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี ที่ปรับทั้งแนวคิดการสร้างประสบการณ์ลูกค้า ปรับโฉมโลโก้ใหม่ ดีไซน์ร้านใหม่ การนำเสนออาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านกาแฟ ผสมผสานกับการให้บริการโดยพนักงานอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกอบอุ่น และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง พร้อมเปิดตัว Flagship Store ต้นแบบของการ Rebranding ครั้งนี้อย่างโดดเด่น
Brand Buffet จะพาไปเจาะลึก 10 เรื่องน่ารู้ TrueCoffee โฉมใหม่ และไฮไลท์สุดพิเศษของ สาขา Center Point of Siam Square ซึ่งเป็น Flagship Store หนึ่งเดียวของ TrueCoffee ในประเทศไทย ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Roastery & Bakery Café และ Digitalization อย่างเต็มรูปแบบ
1. ยึดหลัก Compassion สร้างประสบการณ์แบรนด์ TrueCoffee ส่งมอบบริการด้วยความอบอุ่น และเข้าใจลูกค้า
แม้ทุกวันนี้จะเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างสามารถทำผ่านแพลตฟอร์มได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แต่ถึงอย่างไร “สาขา” (Physical Store) ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์กับลูกค้า
ดังนั้นการรีแบรนด์ครั้งนี้ TrueCofffee ยึดหลัก “Compassion” อันเป็น Core Value ของพนักงานทุกคน ทั้งสำนักงานใหญ่ และที่ร้านสาขาในการให้บริการลูกค้าด้วยความยิ้มแย้ม อบอุ่น เข้าใจลูกค้า เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
โดยพนักงานที่ร้านสาขา TrueCoffee กว่า 120 สาขา ซึ่งถือเป็นตัวแทนของแบรนด์ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า จะให้บริการลูกค้าบนหลัก Compassion นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน จะมีพนักงานยืนต้อนรับที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ที่ประตู เพื่อให้บริการอย่างใกล้ชิด ให้คำแนะนำ หรือให้คำปรึกษาด้วยความตั้งใจและเอาใจใส่ ในทุกครั้งที่ลูกค้ามีข้อสงสัย หรือสอบถามข้อมูลสินค้า และบริการ
TrueCoffee เชื่อว่าการทำงาน และให้บริการบนหลัก Compassion จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ซึ่งมีผลต่อการสร้างฐาน Loyal Customer ให้กับแบรนด์ได้ในระยะยาว
2. เบื้องหลังโลโก้ใหม่ “แก้วกาแฟจากมุมบน”
การรีแบรนด์ครั้งนี้ TrueCoffee ได้ดีไซน์โลโก้ใหม่ จากโลโก้เดิมเป็นรูปแก้วกาแฟด้านข้าง สื่อถึงดิจิทัล เนื่องจากกลุ่มทรูต้องการให้ร้านกาแฟเติมเต็มพาร์ทไลฟ์สไตล์ และทำให้เทคโนโลยี เป็นสิ่งจับต้องได้ง่าย
ขณะที่โลโก้ใหม่ เน้นความเรียบง่าย เป็นรูปแก้วกาแฟจากมุมบน และองศาของหูจับอยู่ที่ตำแหน่งเวลา 14.00 น. ซึ่งเป็นเวลา Coffee Break เพื่อสื่อถึงการเป็นเชนร้านกาแฟของคนไทย ที่เชี่ยวชาญด้านกาแฟตัวจริง
ขณะเดียวกันทิศทางธุรกิจนับจากนี้ต้องการเติบโตในฐานะเชนร้านกาแฟรายหลักในตลาด และอยากให้เวลาผู้บริโภคนึกถึงกาแฟ หรือร้านกาแฟ นึกถึง TrueCoffee มาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าผู้บริโภคคนนั้นจะเป็นลูกค้าสินค้าในเครือกลุ่มทรูหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น การรีแบรนด์ที่มาพร้อมกับโลโก้ใหม่จะทำให้แบรนด์เข้าถึงง่ายขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
3. มีเมล็ดกาแฟจากหลายแหล่งปลูกภายในประเทศ พร้อมคืนป่าเขียวๆ ให้กับภูเขาด้วยโครงการ Reforested Coffee กาแฟคืนป่า คืนชีวิต
หัวใจสำคัญของการเป็น Roastery & Bakery Cafe คือ การเสิร์ฟเครื่องดื่มกาแฟที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน ซึ่งมาจากการคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงของร้าน TrueCoffee มาจากหลากหลายแหล่งปลูก โดยเฉพาะแหล่งปลูกในประเทศไทย เนื่องจากด้วยความที่เป็นเชนร้านกาแฟสัญชาติไทย จึงอยากสนับสนุนเกษตรกรไทย ให้ปลูกกาแฟมากขึ้น ช่วยฟื้นฟูสภาพพื้นป่า เพราะกาแฟเป็นพืชยืนต้นที่สามารถอยู่ร่วมกับต้นไม้อื่นๆ ได้ อีกทั้งกาแฟที่ปลูกในไทย ให้รสชาติเข้ม และถูกปากคนไทย
อย่างเมล็ดกาแฟที่ TrueCoffee Center Point of Siam Square ให้บริการลูกค้า ปัจจุบันมี 4 ประเภทคือ
– True Roasted เป็นกาแฟอราบิก้าเกรดพรีเมียม และใช้เทคนิคการคั่วแบบยุโรป เพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟมีคุณภาพ ทั้งรสชาติ กลิ่น และความเข้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เป็นแบบดาร์คช็อกโกแลต มีกลิ่นควันจากการคั่ว รสชาติหนักแน่นจบท้ายที่ความหวานในปาก โดยเมล็ดกาแฟนี้มีให้บริการทุกสาขาของ TrueCoffee
– The Founder Blend ผสมผสานกาแฟคุณภาพสูงจากหลายแหล่งปลูก พัฒนาเป็นสูตรเฉพาะของ TrueCoffee มีรสชาติแบบโกโก้ ช็อคโกแลตถั่ว แบล็คเชอร์รี่ มีรสเปรี้ยวซ่อนอยู่นิดหน่อย
– เมล็ดกาแฟแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ มีความเป็นช็อคโกแลตถั่ว หวาน หอมดอกไม้ แต่ยังคงเข้มแบบโกโก้ รสชาติชัดเจน
– เมล็ดกาแฟสบขุ่น จากดอยสบขุ่น จังหวัดน่าน รสชาติเบา แต่รสถั่วชัดเจน กลิ่นดอกกาแฟ มีความนุ่มละมุน และเป็นผลไม้นิดหน่อย
ดังนั้น เพื่อฟื้นฟูให้กลับมาเป็นภูเขาสีเขียว เต็มไปด้วยต้นไม้ ทาง TrueCoffee จึงลงพื้นที่เพื่อชวนให้เกษตรกรบนดอยสบขุ่น หันมาปลูกกาแฟ เพราะกาแฟเป็นต้นไม้ยืนต้นที่อยู่กับพืชอื่นๆ ได้ โดย TrueCoffee จะรับซื้อเมล็ดกาแฟ พร้อมทั้งตั้งชื่อกาแฟตามแหล่งกำเนิดว่า “กาแฟสบขุ่น” พร้อมทั้งเปิดสาขา TrueCoffee ที่น่าน และเปิด Learning Center เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้กับคนในพื้นที่ ทั้งสอนทำกาแฟ สอนเปิดร้าน สอนการตลาด
ส่วนใครที่อยากลิ้มรสกาแฟสบขุ่น ปัจจุบันมีให้บริการที่สาขา Center Point of Siam Square และทางร้านได้บรรจุใส่ถุง และยังสามารถซื้ออุปกรณ์ในการชงกาแฟแบบต่างๆ พร้อมให้ลูกค้าได้ซื้อกลับไปทำที่บ้าน สร้างประสบการณ์ TrueCoffee at home ได้ด้วยในช่วงยุค New Normal
4. เสิร์ฟ “เบเกอรี่อบสด – อาหารปรุงสดหลากหลาย” ตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาของลูกค้า ในสไตล์ Bakery Cafe
การรีแบรนด์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ปรับโลโก้ และร้านใหม่เท่านั้น แต่ยังเพิ่มความหลาหลายของเมนูอาหารด้วยเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ ภายในร้านโฉมใหม่ของบางสาขา เช่น สาขา Center Point of Siam Square สาขาซี.พี. ทาวเวอร์ สีลม สาขาเอ็ม ควอเทียร์ และสาขาทรู ทาวเวอร์ มีห้องอบเบเกอรี่ (Bake Room) ที่เปิดให้ลูกค้าได้เห็นกระบวนการทำ และเบเกอรี่ทุกชิ้นที่ให้บริการในสาขาเหล่านี้ มาจากห้องอบขนมปังในร้านที่อบสดใหม่ทุกวัน เช่น ครัวซองต์ และเมนูขนมปังอื่นๆ
นอกจากเบเกอรี่อบสดแล้ว TrueCoffee Center Point of Siam Square ยังมีเมนูอาหารหลากหลาย เช่น เมนูสลัด เมนูข้าว โดยให้บริการที่ชั้น 1
การเพิ่มความหลากหลายเมนูอาหาร ครอบคลุมทั้งอาหารมื้อหลัก และมื้อรอง ให้บริการทั้งรูปแบบนั่งรับประทานภายในร้าน ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบาย และมีความสุขกับการใช้เวลาอยู่ในร้านนานขึ้น ซื้อกลับ หรือสั่งออนไลน์ เพื่อทำให้เครื่องดื่ม และอาหารของ TrueCoffee ตอบโจทย์ในทุกโอกาสการบริโภคของลูกค้า ไม่ว่าจะช่วงเช้า สาย ช่วงบ่าย ไปจนถึงช่วงเย็น
ขณะเดียวกัน TrueCoffee ยังห่วงใยถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร สำหรับ Take Away และ Delivery ทำมาจากวัสดุย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (Biodegradable) จึงไม่ต้องกังวลว่าจะก่อปัญหาขยะย่อยสลายยาก อันส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม
5. ดีไซน์ร้านสไตล์ Minimal เรียบง่าย แต่เป็น Cafe ที่อบอุ่นและสมบูรณ์แบบ
นอกจากสร้างประสบการณ์ลูกค้าด้วยแนวคิด Compassion การรีแบรนด์ครั้งนี้ TrueCoffee ได้ดีไซน์ร้านโฉมใหม่ในสไตล์ Minimal เรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเป็นกันเองด้วยเช่นกัน
อย่างร้าน TrueCoffee สาขา Center Point of Siam Square จากเดิมการออกแบบทั้งภายนอก และภายในร้าน แวดล้อมไปด้วยมีองค์ประกอบความเป็นทรู เช่น โฆษณาบนกระจกหน้าร้าน และพื้นที่ให้บริการผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทรู ที่มาพร้อมกับ Color Identity สีที่อบอุ่นดู Soft ลง แต่ยังคงโดดเด่นด้วยสีแดงสีเดิม
แต่เวลานี้หากใครผ่านไปสาขาดังกล่าว จะเห็นดีไซน์ร้านโฉมใหม่ เน้นความเรียบง่าย อบอุ่น เป็นกันเอง เพื่อสร้างบรรยากาศร้านให้เป็น “Roastery & Bakery Cafe” เต็มรูปแบบ และผสานกับองค์ประกอบความเป็นดิจิทัล โดยภายในร้านมี 2 ชั้น
– ชั้น 1 เป็น Classic Bar ทั่วไป มีเคาน์เตอร์ทำกาแฟขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางร้าน เมื่อเดินเข้ามาก็เจอทันที รายล้อมด้วยที่นั่งมากมาย ให้ลูกค้าเลือกนั่งตามมุมต่างๆ ได้ตามสบาย และบริการกาแฟ – เครื่องดื่ม อาหารมื้อหลัก – มื้อรอง และครัวทำ Live Cooking ปรุงสดใหม่ทุกจานในทุกๆ วัน
– ชั้น 2 เป็น Slow Bar ให้บริการกาแฟดริป ทั้งแบบ Pour Over และ การ Brew กาแฟแบบหลากหลายรูปแบบที่พัฒนาอยู่เสมอให้เหมาะกับเมล็ดกาแฟแบบต่างๆ
6. Slow Bar สร้างประสบการณ์ดื่มด่ำกาแฟคุณภาพที่ลูกค้าเลือกทุกอย่างได้เอง
– เลือกเมล็ดกาแฟใน 4 ประเภท ทั้ง The Founder Blend กาแฟแม่กำปอง กาแฟสบขุ่น และกาแฟเอธิโอเปีย ขณะที่เมล็ดกาแฟ True Roasted มีให้บริการเฉพาะชั้น 1 เท่านั้น เนื่องจากเป็นเมล็ดกาแฟรสชาติเข้ม เหมาะสำหรับชงผ่านเครื่องเอสเปรสโซ่
– เลือกอุปกรณ์การชง มีทั้ง Pour Over และ Syphon พร้อมทั้งเลือกได้ว่าเป็นเมนูดริปร้อน หรือดริปเย็น
7. สร้าง “โรงคั่วกาแฟ” ในร้าน ให้ลูกค้าเห็นกรรมวิธี และเป็นพื้นที่จัด Workshop เพื่อเป็น Community
อีกหนึ่งความพิเศษของสาขา TrueCoffee Center Point of Siam Square พื้นที่ชั้น 2 นอกจากมีเคาน์เตอร์ Slow Bar ให้บริการโดยบาริสต้าแล้ว ยังมี Roasting Room หรือ โรงคั่วกาแฟ สำหรับคั่วเมล็ดกาแฟที่ใช้เฉพาะภายในร้านสาขานี้ และสำหรับลูกค้าซื้อรูปแบบบรรจุถุง
โรงคั่วแห่งนี้ ใช้เครื่องคั่วดิจิทัล สามารถบันทึก Profile การคั่วกาแฟ ทั้งของที่สาขานี้ใช้ และของลูกค้าแต่ละบุคคล ทำให้การคั่วครั้งต่อไป กดสั่งคั่วแบบ Personalized ได้ตาม Profile ที่บันทึกเอาไว้ สร้างสะดวก แม่นยำ และรวดเร็ว
นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนร้านกาแฟขนาดเล็ก และสร้างประสบการณ์ให้กับคนรักกาแฟ โรงคั่วแห่งนี้ยังเปิดเป็น Open Space ให้มาจัด Workshop กาแฟ สร้างให้เกิด Community ของคนรักกาแฟ สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ให้คอกาแฟได้มาทดลอง พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือใช้ทดลองเมนูกาแฟ
8. Connected ด้วยหุ่นยนต์ดริปกาแฟสาขาแรกในไทย และหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร สร้าง Digital Experience สุดล้ำ
เพื่อสร้างประสบการณ์ความแปลกใหม่ และตอกย้ำการเป็นเชนร้านกาแฟที่นำเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมใหม่มาเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการลูกค้า TrueCoffee จึงได้นำ “หุ่นยนต์ True 5G Robot Barista” หรือ “หุ่นยนต์บาริสต้า” เป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่สามารถดริปกาแฟได้แม่นยำ ชำนาญ ด้วยท่วงท่าเหมือนมนุษย์ มาให้บริการที่ชั้น 2 ของสาขา Center Point of Siam Square นับเป็นเครื่องแรกเครื่องเดียวในไทย
ความน่าสนใจของหุ่นยนต์ ผ่านการทดสอบระบบ AI 3,000 ชั่วโมง และทำการทดสอบระบบแขนกลอัจฉริยะกว่า 30,000 ชั่วโมง ทำให้สามารถดริปกาแฟได้เหมือนมนุษย์ แต่มีความแม่นยำ มั่นคง ตัดเรื่อง Human Error
เมื่อดริปเสร็จ หุ่นยนต์จะทิ้งกากกาแฟ – กระดาษกรอง และใช้น้ำร้อนล้างอุปกรณ์ เมื่อเสร็จแล้วจะกลับไปอยู่ในท่าเตรียมความพร้อมทำกาแฟแก้วต่อไป
โดยเฉลี่ยทั้งกระบวนการทำกาแฟดริป ตั้งแต่บดเมล็ดกาแฟ จนถึงล้างอุปกรณ์ ใช้เวลา 4.20 นาที ในจำนวนเวลานี้ เป็นขั้นตอนการดริปกาแฟอยู่ที่ 3.30 นาที ซึ่งใกล้เคียงกับคนดริปกาแฟ โดยมีทั้งความหอมของเมล็ดกาแฟที่เพิ่งบดเสร็จใหม่ๆ และรสชาตินุ่มละมุน แต่ยังความเข้มของกาแฟ
หลังจากนั้นบาริสต้า จะนำแก้ว IoT “True 5G Perfect Temp Mug” เป็นแก้วอุ่นร้อนตลอดเวลา มาเสิร์ฟให้กับลูกค้า โดยคุณสมบัติแก้วใบนี้ ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Ember มีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานสามารถ Personalize เลือกอุณหภูมิความร้อนได้เอง และกำหนดสีแก้ว เพื่อเวลาที่มากับเพื่อน จะได้แยกออกว่าแก้วไหนเป็นของใคร
ประสบการณ์ความว้าว! ยังไม่หมดแค่นี้ ในชั้น 1 ของ TrueCoffee Center Point of Siam Square ยังมีหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร มาให้บริการลูกค้า ควบคู่กับการให้บริการโดยพนักงาน เพื่อสร้างความสะดวก และความรวดเร็ว รวมทั้งเป็นการตอกย้ำถึงจุดแข็งด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของกลุ่มทรู
9. เปิดบริการ “Subscription เครื่องดื่ม” บนแอปฯ TrueCoffee เพื่อ Connected Lifestyle สะดวก ไม่มีสะดุด
การสร้างประสบการณ์ในยุคดิจิทัล ต้องเป็นรูปแบบ Seamless Experience นั่นคือ เชื่อมต่อประสบการณ์ O2O (Offline to Online หรือ Online to Offline) ได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่ง TrueCoffee ได้นำ “Subscription Model” มาประยุกต์ใช้กับบริการใหม่บนแอปพลิเคชัน TrueCoffee ที่ลูกค้าสามารถสมัครแพคเกจ Subscription เครื่องดื่มแบบรายเดือน
ขั้นตอนการสมัคร เข้าไปที่แอปฯ TrueCoffee เมนู Subscription ในนั้นจะมีแพคเกจค่าสมาชิกรายเดือนให้ลูกค้าเลือก ค่าสมาชิกเริ่มต้นที่ 699 บาทต่อเดือน
– ในแพคเกจมีให้เลือกแบบ 10 แก้วต่อเดือน – 20 แก้วต่อเดือน – 30 แก้วต่อเดือน
– เลือกรับเป็นเครื่องดื่มร้อนอย่างเดียว เครื่องดื่มเย็นอย่างเดียว หรือเครื่องดื่มร้อน + เย็น
– มีแพคเกจเพิ่มขนาดเครื่องดื่ม และเบเกอรี่
– จากนั้นลูกค้าเลือกสาขา – เลือกวัน และเวลาที่จะไปรับ
– ในวันรับเครื่องดื่ม จะมี Notification แจ้งเตือนลูกค้าก่อนล่วงหน้า 1 ชั่วโมง ซึ่งภายใน 1 ชั่วโมงนี้ ลูกค้าสามารถเปลี่ยนเมนู เปลี่ยนเวลา เปลี่ยนสาขาได้ แต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงประการใด จะยึดตามแพคเกจที่สมัครไว้
ที่มาของบริการ Subscription เครื่องดื่ม ทาง TrueCoffee เห็นว่าพฤติกรรมการดื่มกาแฟของผู้บริโภคส่วนใหญ่ดื่มเมนูเดิมทุกวัน จึงนำไอเดีย Subscription มาให้บริการ ซึ่งเปรียบเหมือนบริการผูกปิ่นโต ทำให้สร้างความสะดวกให้กับลูกค้า ซื้อเครื่องดื่มในราคาพิเศษ ที่ร้านตามเวลานัดหมายได้เลย โดยไม่ต้องรอทำ – รอจ่ายเงิน ตอบโจทย์คนยุคนี้ที่มีชีวิตเร่งรีบ ต้องการเครื่องดื่มที่รสชาติคงที่ รวดเร็ว ชงสด
นอกจากนี้บริการ Subscription ดังกล่าว ยังสามารถต่อยอดไปสู่การทำแพคเกจสินค้าอื่นๆ ของ TrueCoffee ที่จะพัฒนาในอนาคตได้อีก
10. วางเป้าหมายเป็น “Food Science – Food Tech”
Business Direction ของ TrueCoffee ไม่หยุดแค่การเป็นเชนร้านกาแฟและเบเกอรี่เท่านั้น แต่วางแผนไปสู่การเป็น “Food Science – Food Tech” ด้วยการนำ Data Insights มาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม รูปแบบ Grab & Go วางจำหน่ายทั้งภายในร้าน TrueCoffee และช่องทางค้าปลีกต่างๆ
อย่างเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นช่วงสถานการณ์ COVID-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง TrueCoffee จึงเปิดตัวกาแฟพร้อมดื่ม 2 รสชาติ คือ ลาเต้ และอเมริกาโน่ เป็นกาแฟคั่วบดสูตรเดียวกับที่ให้บริการที่ร้าน มีวางจำหน่ายทั้งในร้าน TrueCoffee โลตัส และเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์ยุค Work From Home
ภายใต้ทิศทางธุรกิจ Food Science – Food Tech ต่อไป TrueCoffee จะวางจำหน่ายสินค้า Ready to drink มากขึ้น พร้อมทั้งเปิดตัวกลุ่มสินค้า Ready to eat รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารประเภท Alternative Food เช่น Plant-based Food ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุขภาพ และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืนขององค์กร โดยสินค้าเหล่านี้ จะมีจำหน่ายทั้งในร้าน TrueCoffee และเชนค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศ
ข้อมูลเพิ่มเติม https://linktr.ee/truecoffee
ดาวน์โหลด TrueCoffee Application ได้ที่ https://bit.ly/34c8Yli