พ.ศ.2563-2564 เป็น 2 ปีที่ผู้คนทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติครั้งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ Covid-19 ทำให้การดำเนินชีวิตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้กระทั่งสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) อย่าง ยูนิลีเวอร์ (Unilever) ที่ถึงแม้ว่าจากการสำรวจพบ ผู้บริโภคคนไทยมีผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ในบ้านโดยเฉลี่ย 3 ชิ้น ก็ได้รับกับผลกระทบกับวิกฤติในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ยูนิลีเวอร์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภคและดูแลสิ่งแวดล้อม และเดินหน้าตามพันธกิจที่ได้ประกาศไว้ ทั้งในระดับประเทศไทยและระดับโลก ยกตัวอย่างเช่น นโยบายเรื่อง “พลาสติก”
คำนึงถึง จุดหมายปลายทางของ “พลาสติก”
องค์กรแห่งนี้ ได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2562 ว่าจะมุ่งลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่ลงครึ่งหนึ่ง และใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถ รีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้ หรือย่อยสลายได้ ให้ได้ 100% นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเก็บรวบรวมพลาสติกและแปรรูปให้ได้มากกว่าปริมาณที่จำหน่ายออกไป
ดังนั้น ในปัจจุบันยูนิลีเวอร์จึงเดินหน้าลดขยะพลาสติกและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างไม่หยุดยั้ง จนขึ้นแท่นป็นผู้นำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลหลังการบริโภค (post-consumer recycled: PCR) ภายในประเทศ มากถึง 4,000 ตัน ปัจจุบันหลายแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย เช่น ซันไลต์ คอมฟอร์ท ซันซิล และโดฟ ล้วนใช้ขวดบรรจุภัณฑ์ที่เป็น PCR ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย และทำให้เกิดการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคัดแยกและจัดเก็บขยะพลาสติก เพื่อให้ขยะพลาสติกถูกนำมาหมุนเวียนใช้ในระบบ การปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของพลาสติกให้สามารถรีไซเคิลได้แม้หลังจากผู้บริโภคใช้งานแล้ว นับว่าเป็นความรับผิดชอบในฐานะแบรนด์ใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่ขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงจุดหมายปลายทางของแพ็กเก็จจิ้งทั้งหลาย ว่าต้องไม่เป็นภาระกับสิ่งแวดล้อม แม้ใช้งานเสร็จแล้ว
ยูนิลีเวอร์เคียงข้างคนไทย สู้ภัย Covid-19
นอกเหนือจากเรื่อง “บรรจุภัณฑ์” แล้ว ก่อนหน้านี้ยูนิลีเวอร์ มีกิจกรรมเพื่อต่อสู้กับ Covid-19 โดยระดมเอาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความสะอาด ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยูนิลีเวอร์ปรับแผน เปิดตัวผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่มุ่งเน้นด้านนี้มากขึ้น เพื่อตอบสนองกับอินไซต์ของไทย ที่มีความต้องการโปรดักท์ด้านไฮยีนพุ่งกระฉูด เช่น วาสลีนที่เดิมผู้บริโภคคุ้นเคยกับการเป็นครีมบำรุงผิวก็ปรับตัวมาทำเจลล้างมือ และเมื่อสินค้าตอบโจทย์แล้ว ยูนิลีเวอร์ก็ไม่ละเลย นำเอาโปรดักท์นี้ตะลุยแจกให้กับโรงเรียนทั่วประเทศในสังกัดของสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผ่านแคมเปญ “วาสลีนชวนคนไทยร่วมดูแลมือของเรา” (Vaseline Caring Hand for Thailand) โดยรวมแล้ว วาสลีน บริจาคเจลล้างมือ ไปรวมมูลค่าทั้งสิ้น 40 ล้านบาท รวมทั้งยังจับมือกับพันธมิตรอื่นๆ ที่ทำงานเชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ของคนไทย เป็นฟันเฟืองสำคัญที่่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสังคม
โดยรวมบริษัทข้ามชาติที่อยูในประเทศไทยเกือบ 90 ปีแห่งนี้ ได้บริจาคชุดตรวจโควิดและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนามโควิด และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับสภาหอการค้าไทย เพื่อสนับสนุนโครงการวัคซีนแห่งชาติ โดยช่วยให้ความรู้คนไทยเกี่ยวกับความสำคัญของสุขอนามัยและการฉีดวัคซีน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและปลอดภัย ในระหว่างการแพร่ระบาดของ Covid-19
และเมื่อเร็วๆนี้ ไอติมวอลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ของยูนิลีเวอร์ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงประเทศไทยที่รัก ที่อยากคืนความสุขและยิ้มสยามแก่คนไทยท่ามกลางวิกฤตโควิด ด้วยการมอบไอศกรีมฟรี 1 ล้านแท่ง ที่ศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน
Every U Does Good ส่งทุก U ทำความดี
ก้าวต่อไปที่สำคัญของยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย คือ การทำกิจกรรม โดยมีแคมเปญ Every U Does Good หรือ EUDG เป็นแกนกลาง โดยเริ่มวันที่ 1 มิถุนายน สำหรับแคมเปญ EUDG นี้ถือเป็น Global Campaign โดยมีพื้นฐานอิงกับความเหมาะสมของแต่ละประเทศ ทั้งแบรนด์ และกิจกรรมที่นำเสนอ โดยอาศัย Brand Essence ของแต่ละแบรนด์ในเครือยูนิลีเวอร์ เช่น โดฟ (Dove) สอนให้เด็กผู้หญิงทุกคนภาคภูมิใจในตนเอง ส่วนคนอร์ ก็จะส่งเสริมเรื่องความสำคัญของมื้ออาหารและโภชนาการ
“เราเชื่อว่าการกระทำเล็กๆน้อยๆ หลายอย่างรวมกันก่อให้เกิดผลดีอย่างมาก และด้วยการทำงานหนักเพื่อให้แน่ใจว่าทุกองค์ประกอบของธุรกิจเราและทุกคน ได้มีส่วนร่วมไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า ในทุกๆ U พวกเราพยายามอย่างมาก ไม่เพียงแต่ทำสิ่งดีๆในตอนนี้ แต่จะทำสิ่งดีๆต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งในอนาคต”
คุณ โรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าว
ดังนั้น ในแคมเปญนี้จะมุ่งเน้นปลุกจิตสำนึกของผู้บริโภคต่อโครงการรณรงค์เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมของบริษัทและส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน โดยทุกครั้งเมื่อคุณถู คุณแปรง และรับประทานหรือดื่ม หนึ่งในผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ คุณได้มีส่วนร่วมในการทำความดีด้วยการสนับสนุนการรณรงค์ในเรื่องต่างๆของบริษัทในโลกนี้ และสนับสนุนความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน ผ่านทุกแบรนด์ของยูนิลีเวอร์ เช่น บรีส โอโม ซันไลต์ ซันซิล โดฟ วาสลีน คนอร์ และวอลล์ จะทำสิ่งดีๆต่อไปภายใต้แคมเปญทุกๆ U ทำสิ่งดีๆ ตัวอย่างเช่น ทุกๆขวดของซันไลต์ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล100% ทุกๆขวดของโดฟสอนให้เด็กผู้หญิงมีความมั่นใจในตัวเอง และทุกๆกล่องคนอร์ส่งเสริมโภชนาการอาหาร
และเพื่อร่วมในการเปิดตัวแคมเปญทุกๆ U ทำสิ่งดีๆ บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษตลอดเดือนมิถุนายนนี้ สำหรับสินค้าของยูนิลีเวอร์ ที่ร้านค้าโมเดิร์นเทรด เช่น โลตัส บิ๊กซี วัตสัน และเซเว่น-อีเลฟเว่น รวมถึงร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคลดค่าครองชีพในช่วงสถานการณ์โควิดนี้
สรุปกลยุทธ์ CSR ของ Unilever
– ยูนิลีเวอร์ เป็นองค์กรที่มี Brand with Purpose ชัดเจนในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นพันธกิจที่ประกาศออกมาในระยะยาว และถึงแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับวิกฤติเข้ามา ก็ยังมุ่งมั่นเดินหน้าตามแนวทางที่ได้วางเอาไว้
– มีการเสริมแคมเปญ CSR ด้วยกิจกรรมตามสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อสู้กับสงครามโควิด-19 เช่น บริจาคสินค้าที่มุ่งเน้นด้านความสะอาดให้กับบุคคลที่จำเป็น
– ปล่อยแคมเปญใหญ่ Every U Does Good เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ขององค์กรในภาพรวม
Source: https://www.unilever.com/brands/every-u-does-good/