ในวิกฤติโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 มาถึงปัจจุบันทุกอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบหมด รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ หากดูตัวเลข 4 เดือนแรกปีก่อน มีการเปิดตัวโครงการใหม่ราว 20,000 ยูนิต ส่วนซัพพลายที่อยู่อาศัยช่วง 4 เดือนแรกปีนี้เหลือ 13,000 ยูนิต ลดลงไป 33% หมวดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 3 ล้านบาท ลดลงเยอะสุดราว 55%
แต่หากมาดูฝั่งดีมานด์ก็พบว่าลดลงเช่นกัน แต่ตัวเลขไม่มากเท่าฝั่งซัพพลาย เพราะยอดโอนกรรมสิทธิ์ปี 2563 ลดลง 22% ตัวเลขนี้บอกได้ว่าหาก “ผู้ประกอบการ” มีความพร้อมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เจาะหา “เรียล ดีมานด์” ในแต่ละกลุ่มก็ยังมีโอกาสผ่านสถานการณ์นี้ไปได้
“เอพี” โชว์ยอดขาย-โอน “นิวไฮ”
คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่าหากดูครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทยังเติบโตได้ท่ามกลางกระแสวิกฤติโควิด โดยผลงานครึ่งปีแรกทำ “นิวไฮ” ทั้งยอดขายและยอดโอน
โดยมียอดขาย 17,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะสินค้าพระเอกทั้ง “บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม” เติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้ภาพรวมสินค้าแนวราบครึ่งปีแรกเติบโต 28% โดยเฉพาะไตรมาส 2 ไตรมาสเดียวมียอดขายกว่า 9,100 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตแบบ Organic Growth ถึงแม้ที่ผ่านมาเอพีจะเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 5 โครงการ มูลค่า 4,060 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนยอดโอนครึ่งปีแรกคาดว่าจะสูงกว่า 20,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขนิวไฮ อีกเช่นกัน และการปิดไซต์ก่อสร้างในช่วงนี้ไม่มีผลกระทบต่อเป้ารายได้ทั้งปี
ครึ่งปีหลังเจาะกลุ่ม Super Luxury-Young Gen
ส่วนแผนครึ่งปีหลังเตรียมพัฒนาโครงการในเซ็กเมนต์ใหม่ด้วยการขยับขึ้นตลาดบนในระดับ Super Luxury ไฮไลท์ที่น่าสนใจคือการนำแบรนด์ “บ้านกลางกรุง” กลับมาพัฒนาอีกครั้ง ด้วยจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ตั้งในการพัฒนาโครงการที่จะอยู่ใจกลางกรุง โดยมีบ้านกลางกรุง ทองหล่อเป็นต้นแบบความสำเร็จกับจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยกลางกรุง
ปีนี้นำร่องโครงการแรกกับ บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์-พระราม 3 บ้านเดี่ยวหรู บนทำเลใจกลางเมือง จำนวน 13 ยูนิต รูปแบบ 2 ชั้น และ 3 ชั้น พื้นที่ 217-310 ตารางเมตร ราคา 35-60 ล้านบาท เตรียมพรีเซล Pre-Sale ในเดือนกันยายนนี้
ตลาด Super Luxury ถือเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด เป็นอีกเรียล ดีมานด์ในตลาดที่อยู่อาศัย
นอกจากนั้นในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม เตรียมขยายโปรดักส์ไปยังตลาดแมสมากขึ้น ด้วยการปรับโฉมแบรนด์ ASPIRE (แอสปาย) โดยพัฒนารูปแบบโครงการกับ 4 จุดขายใหม่ ได้แก่
– City-Zone Location เจาะทำเลในเมือง จำนวนยูนิตน้อย เดินทางสะดวกด้วยระบบคมนาคมวันนี้และอนาคต
– Modular Layout Design สเปซดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานได้ตามใจ
– Uncompromised Facilities พื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม
– Unexpected Price Package แพ็คเกจราคาขายที่สอดรับกับกลุ่มเป้าหมาย เริ่มต้น 55,000-65,000 บาท/ตารางเมตร
เปิดตัวใน 2 ทำเล ได้แก่ ASPIRE รัตนาธิเบศร์-เวสต์ตัน ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท และ ASPIRE ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ (ใกล้โรงพยาบาลศิริราช) เปิดตัวไตรมาส 4
คอนโด แอสปาย เป็นอีกกลุ่มเรียล ดีมานด์ราคาต่ำกว่า 3 ล้านต่อยูนิต ที่เอพีนำมาเจาะตลาดแมส เพื่อขยายฐานกลุ่ม Young Gen ทำเลที่ดินในเมือง จำนวนยูนิตน้อย
โดยรวมครึ่งปีหลัง เอพีจะเปิดตัวโครงการใหม่ 26 โครงการ มูลค่า 33,440 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 22 โครงการ มูลค่า 20,440 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 13,000 ล้านบาท
ส่วนแผนการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนโดใหม่ LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ และ LIFE อโศก ไฮป์ มูลค่ารวม 12,300 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มียอดขายรอโอน (Backlog) ในอีก 3 ปี 40,552 ล้านบาท
จับตา 3 ปัจจัยฟื้นอสังหาฯ
ภาพรวมอสังหาฯ จากนี้ไปมี 3 ข้อที่ต้องจับตามอง 1.การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศ ซึ่งวัคซีนถือเป็นตัวแปรสำคัญ 2. มาตรการต่างๆ จากทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อหลังจากความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา และ 3. แผนการเปิดประเทศ ที่นำมาซึ่งกำลังซื้อที่เป็น Sentiment ที่ดีให้กับตลาดคอนโด
ทั้ง 3 ข้อนี้คงต้องใช้เวลานานพอสมควร “ถ้าถามว่าจุดต่ำสุดที่เราเจอกันในวันนี้จะจบสิ้นลงเมื่อไหร่ ไม่มีใครตอบได้ ภาคธุรกิจและเราทุกคนยังคงต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเผชิญกับระลอกคลื่นที่จะเกิดขึ้นอีกนับไม่ถ้วนอย่างที่เราเจอกันอยู่ในทุกวันนี้”
สำหรับธุรกิจอสังหาฯ แล้ว หัวใจสำคัญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ คือ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าเศรษฐกิจประเทศดี อสังหาฯ ก็จะดีตาม ทั้งการจ้างงาน กำลังซื้อ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็จะตามมาหมด
ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงวิกฤติของสถานการณ์โควิด ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่หากสามารถกระจายการฉีดวัคซีนได้เร็ว ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในปีหน้า