ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตัดสินใจของรัฐบาลจีนที่น่าจะทำให้บริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่จากทั่วโลกต้องสะดุ้งกันอีกครั้ง โดยเฉพาะ “SoftBank” กับการบอกให้ผู้ให้บริการ App Store ทั้งหลายในจีน ปลดแอปพลิเคชัน Didi Chuxing ออกจาก App Store เนื่องจากกังวลเรื่องประเด็น Data Security
คำสั่งจากหน่วยงานด้านไซเบอร์ของจีนที่ให้ถอดแอปของ Didi Chuxing มีขึ้นในวันอาทิตย์หลังจากบริษัท Didi Global เข้า IPO ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เพียง 4 วัน ซึ่งมีผลให้ผู้ใช้บริการในจีนไม่สามารถดาวน์โหลดแอปของ Didi Chuxing จาก App Store ของแอปเปิล (Apple) หัวเว่ย (Huawei) เสี่ยวหมี่ (Xiaomi) ฯลฯ ได้อีกต่อไป
คำสั่งนี้ยังมีผลข้ามประเทศ เพราะทำให้มูลค่าหุ้นของ SoftBank Group ผู้ลงทุนรายใหญ่ของ Didi ตกฮวบไปถึง 5.9% เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์หลังเปิดตลาด
อย่างไรก็ดี ผู้ใช้งานจีนที่มีแอปพลิเคชันของ Didi Chuxing ติดตั้งอยู่ในเครื่องแล้ว ยังคงสามารถใช้บริการเรียกรถแท็กซี่ของ Didi ได้อยู่
เพราะ IPO ในตลาดสหรัฐ?
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า เหตุผลที่ทำให้ทางการจีนกังวลจนต้องถอดแอปพลิเคชันดังกล่าวออกจาก App Store ส่วนหนึ่งคือเรื่องของปัญหา Data Security และการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ Didi Chuxing ซึ่งการจะกลับมาอยู่ใน App Store ได้นั้น บริษัทอาจต้องให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ให้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี ก็มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชันดังกล่าวไป IPO ในสหรัฐอเมริกาด้วยก็เป็นได้ พร้อมระบุชื่อของบริษัทที่ช่วย Didi ในการ IPO ที่สหรัฐอเมริกาว่ามีทั้ง Goldman Sachs, Morgan Stanley และ JPMorgan Chase & Co.
ด้าน Didi เองได้ออกมาโพสต์ผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า บริษัทได้ยุติการให้บริการแก่ลูกค้ารายใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคมแล้ว และตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับแอปพลิเคชันให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของทางการจีน
พร้อมกันนี้ยังได้บอกด้วยว่า การเคลื่อนไหวของทางการจีนครั้งนี้อาจสร้างผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทในจีนเป็นอย่างมาก โดยข้อมูลจากเอกสารที่ยื่น Filing เมื่อเดือนมิถุนายน Didi ระบุว่า บริษัทมีรายได้ 42,200 ล้านหยวนในไตรมาสแรกของปีนี้ และ 39,200 ล้านหยวนมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่มีเพียง 800 ล้านหยวนเท่านั้นที่มาจากตลาดในอีก 15 ประเทศที่ Didi เปิดให้บริการ เช่น ออสเตรเลีย บราซิล เม็กซิโก รัสเซีย ฯลฯ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว ปฏิเสธไม่ได้ว่า จีนแผ่นดินใหญ่คือแหล่งรายได้หลักของบริษัทนั่นเอง