จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ วันนี้ (8 กรกฎาคม) ทำสถิติสูงสุด 7,058 ราย มียอดสะสมกว่า 280,000 ราย เป็นตัวเลขติดเชื้อสะสมที่เพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง มีประชาชนจำนวนมากรอตรวจเชื้อ รวมทั้งมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวถึงมติ สธ. ต่อมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 และมาตรการทางสังคม ที่จะเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาออกประกาศต่อไป
1.การนำเอาชุดตรวจวัดแบบ Rapid Antigen Test มาใช้งาน เพื่อลดปัญหาการรอตรวจด้วยวิธี RT-PCR ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่รองรับได้ 800-1,000 คนต่อสถานที่ตรวจ และใช้เวลานานกว่าจะทราบผล โดย Rapid Antigen Test ในช่วงแรกจะอนุญาตให้ใช้ในสถานพยาบาลเป็นหลักก่อน โดยจะให้เริ่มในวันที่ 9 กรกฎาคม
2.จัดการระบบกักตัวดูอาการที่บ้าน หรือ Home Isolation สำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ รวมไปถึงการจัดตั้งระบบ Community Isolation ในชุมชน เพื่อลดปัญหาความแออัดและเตียงในโรงพยาบาลไม่พอ
3.เข้มงวดมาตรการด้านสาธารณสุข สวมหน้ากาก ล้างมือ การเว้นระยะห่าง
4.แผนการฉีดวัคซีน ต้องเร่งฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง โดยจะให้โควตาวัคซีนในกลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 80% เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งใน 1-2 สัปดาห์นี้จะระดมฉีดให้ได้เป็นหลักล้านโดสในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อฉีดกลุ่มนี้ให้ได้ 50%
5. สำหรับมาตรการทางสังคม ที่สาธารณสุขได้ให้ ศบค.พิจารณาดังนี้
– การจำกัดการเดินทาง ให้ทุกคนอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ หากไม่จำเป็นไม่ควรออกจากบ้าน ยกเว้น การออกไปซื้ออาหาร สิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิต ออกไปฉีดวัคซีน เป็นต้น
– เสนอ ศบค. การออกคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมด คือสถานที่ที่คนจะทำกิจกรรมร่วมกันจำนวนมาก ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน สถานที่ยังเปิดได้ก็ คือ ตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิต โดยจะมีรายละเอียดต่อไป
โดยทั้ง 5 มาตรการดังกล่าวจะเสนอให้บังคับใช้ใน “จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน” เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน โดยจะเสนอ ศบค.ชุดเล็กวันนี้ (8 กรกฎาคม) และจะเสนอ ศบค. ชุดใหญ่พิจารณาต่อไป ข้อเสนอของ สธ.ดังกล่าวเพื่อลดการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมาตรการครั้งนี้จะมีความเข้มข้นไม่น้อยการกว่าล็อกดาวน์ในเดือนเมษายน 2563
หลังจาก สธ. เสนอมาตรการต่างๆ แล้ว ต้องรอให้ ศบค. เป็นผู้ประกาศอย่างเป็นทางการและบังคับใช้ต่อไป