ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าประเทศไทยจะเจอกับการระบาดของ Covid-19 จนทำให้หลาย ๆ บริษัท – หน่วยงาน ต้องมีการ Work From Home กันเป็นระยะ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ธุรกิจส่วนใหญ่จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้จากการ Work From Home เพียงอย่างเดียว
หนึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นต่อไปในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้จึงเป็นการทำงานแบบ Hybrid Working เห็นได้จากผลการสำรวจของ IDC ในเอเชียแปซิฟิกคาดการณ์ว่าจำนวนพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดจะเพิ่มขึ้น 25% หลังจากที่การฉีดวัคซีนดำเนินการเสร็จสิ้น ซึ่งเทียบจากเดิมที่มีเพียง 19% เท่านั้น โดยรูปแบบของการทำงานอาจเป็นวิศวกรที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศอีก แต่ตรงไปตรวจไซต์งานได้เลย หรือพนักงานในสายการผลิตที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศเช่นกัน แต่สามารถรายงานความคืบหน้าในโรงงานให้ส่วนกลางทราบได้ ฯลฯ
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการทำงานในลักษณะดังกล่าวก็กำลังทำให้ ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด พบการเติบโตในกลุ่มลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยในครึ่งปีแรกของปี 2564 กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรของบริษัทมีการเติบโตด้านยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 15% เมื่อเทียบกับปี 2563 และเมื่อแบ่งตามประเภทผลิตภัณฑ์จะพบว่ายอดจำหน่ายส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม Rugged Device (อุปกรณ์ที่มีความทนทานเป็นพิเศษ) เพิ่มขึ้นถึง 65%
ดร.มารุต มณีสถิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “จากเทรนด์ด้านการทำงานที่เปลี่ยนไป ทำให้บริษัทหลายแห่งได้ปรับรูปแบบองค์กรเพื่อรองรับการทำงานแบบไฮบริดมากขึ้น โดย 50% ขององค์กรในปัจจุบันได้จัดสรรงบประมาณใหม่เพื่อลงทุนในโมบายดีไวซ์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต”
ตั้งเป้าสิ้นปี 64 ลูกค้าองค์กรโต 20%
ผู้บริหารไทยซัมซุงยังได้กล่าวถึง 6 อุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้งานอุปกรณ์โมบายล์ดีไวซ์ด้วย นั่นคือ
- ธุรกิจค้าปลีก (Retail) โดยเฉพาะในส่วนงานบริหารจัดการคลังสินค้า
- ธุรกิจธนาคาร (Banking FSI) เช่น งานฝ่าย Leasing
- ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ (Health Care) เช่น Wellness Center และ Telehealth
- ธุรกิจขนส่ง (Logistics)
- ธุรกิจการศึกษา (Education)
- ธุรกิจ SMB
จากตลาดที่มองเห็นนี้ ทางผู้บริหารไทยซัมซุงจึงได้มีการเปิดตัว Galaxy Enterprise Edition กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทดีไวซ์พร้อมโซลูชันสำหรับลูกค้าภาคธุรกิจขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมกัน 3 รุ่น ได้แก่ A32 5G, A52 LTE และ Xcover5 โดยมีจุดเด่น 3 ด้านนั่นคือ นวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์ การจัดการซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัย เช่น กันน้ำได้ ทนทานต่อการตกจากที่สูง ทำงานในขณะฝนตกได้ ใส่ถุงมือยางก็ยังกดหน้าจอได้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เพียงถอดฝาหลัง มีปุ่มกด Push to Talk เขียนโปรแกรมเพิ่มเพื่อสั่งการปุ่มต่าง ๆ ได้ เพิ่มไฟ LED เป็นสองดวง เผื่อกรณีทำงานกลางคืน และต้องใช้แฟลชของสมาร์ทโฟนแทนไฟฉาย รองรับ Samsung Knox ฯลฯ พร้อมตั้งเป้าการเติบโตว่า อาจแตะ 20% ได้ภายในสิ้นปีนี้