เป็นไปตามคาดสำหรับ Samsung Electronics กับการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีสุดโหดอย่าง 2021 ที่สามารถทำรายได้ไปทั้งสิ้น 63.67 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 20% ส่วนกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 12.57 ล้านล้านวอน ซึ่งทางบริษัทระบุว่าเป็นผลประกอบการที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2018 เลยทีเดียว ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 9.45 ล้านล้านวอน เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เช่นกัน
สำหรับสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของ Samsung เติบโตอย่างมากในไตรมาสเดือนเมษายน – มิถุนายน 2021 นี้ มาจากยอดขาย “ชิปหน่วยความจำ” ทั้ง DRAM และ V-NAND ที่พุ่งสูง เนื่องจากผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ และพีซีต้องการสต็อกสินค้าเก็บไว้ เพื่อลดความเสี่ยงในยุคที่ทุกบริษัทกังวลว่าชิปเซ็ตจะไม่เพียงพอต่อการผลิต
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ในไตรมาสนี้สูงถึง 6.93 ล้านล้านวอน พุ่งขึ้น 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่ง Samsung บอกว่า ทางบริษัทสามารถจัดส่งชิปหน่วยความจำได้เหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับราคาขายโดยเฉลี่ยก็มีการปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้ผลประกอบการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงเท่านั้น ทาง Samsung ยังคาดการณ์ว่า ความต้องการทั้งในส่วนสมาร์ทโฟน และชิปจะยังคงแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย โดยคาดการณ์ว่ากำลังซื้อจะกลับเข้าสู่ระดับเดียวกับปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนหน้าเกิดการระบาดของไวรัส Covid-19 ได้เลยนั่นเอง
ขายมือถือได้น้อยลงเพราะ Covid-19
หาก iPhone 5G คือสินค้าสร้างรายได้ให้ Apple ในไตรมาสนี้ สำหรับ Samsung ต้องบอกว่าสถานการณ์อาจแตกต่างกัน เพราะมีรายงานว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนของบริษัทได้ลดลงอยู่ที่ประมาณ 59 ล้านเครื่อง จากที่เคยทำได้ 76 ล้านเครื่องในไตรมาสแรก (อ้างอิงจาก Shinyoung Investment & Securities) โดยส่วนหนึ่งมาจากการระบาดของ Covid-19 ในอินเดียและเวียดนามที่ฉุดกำลังซื้อให้หายไปนั่นเอง
เพื่อสร้างสีสันให้ตลาดสมาร์ทโฟนครึ่งปีหลัง ทางบริษัทเผยว่ามีแผนจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟลกชิปอย่าง Galaxy Z Fold เจเนอเรชัน 3 ที่มาพร้อมปากกา S Pen ที่ออกใหม่เพื่อใช้ในสมาร์ทโฟนพับได้ ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ด้วย
ดร. ทีเอ็ม โรห์ ประธานฝ่าย โมบายล์ คอมมูนิเคชัน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวถึงตลาดสมาร์ทโฟนในครึ่งปีหลังของ 2021 ว่า โลกกำลังขับเคลื่อนไปในหลากหลายรูปแบบ ทำให้ทุกคนต่างเริ่มมองหาอิสรภาพและโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีที่ดีต้องช่วยให้การดำเนินชีวิตสะดวกและง่ายขึ้น
ผู้บริหาร Samsung ยังบอกด้วยว่า ในการพัฒนาสมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นดังกล่าว บริษัทมีการทำงานร่วมกับ Google และ Microsoft อย่างเข้มข้นด้วย
นอกจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟลกชิปแล้ว Samsung ยังมองว่าปัจจัยที่จะดึงให้ยอดขายสมาร์ทโฟนในครึ่งปีหลังเพิ่มสูงนั้น มาจากการเปลี่ยนไปสู่ระบบเครือข่าย 5G, การทำงานจากระยะไกล และเทรนด์การใช้จ่ายแบบไร้สัมผัส (Contactless) ที่ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสได้นั่นเอง
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Counterpoint Research พบว่า ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา Samsung เป็นบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ครองส่วนแบ่งตลาดไว้มากที่สุดในโลกคือ 22% ตามมาด้วย Apple ที่มีส่วนแบ่ง 17% ส่วนการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้พบว่า มีการคาดการณ์จาก TrendForce ว่าจะเติบโตลดลง จากเดิมคาดไว้ที่ 9.4% เหลือแค่ 8.5% เนื่องจากการระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ยังรุนแรงอย่างมาก โดยเฉพาะในอินเดีย