Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (6 กรกฎาคม) ได้มีมติอนุมัติลงนามสัญญาจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) โดยให้อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้ลงนามสัญญาจัดซื้อจำนวน 20 ล้านโดส คาดว่าวัคซีนจะเข้ามาในไตรมาส 4 ปี 2564 โดยไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาได้ เพราะเป็นหนึ่งในข้อตกลงกับผู้ผลิต
“ไฟเซอร์” เป็นวัคซีน mRNA ซึ่ง อย.อนุมัติขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 เป็นหนึ่งในวัคซีนหลักของรัฐบาล ที่จะดำเนินการจัดหามาฉีดให้ประชาชนฟรี
นอกจากนี้ ครม.ได้เห็นชอบความตกลงกับสหรัฐอเมริกา เพื่อรับมอบการช่วยเหลือวัคซีนบริจาค “ไฟเซอร์” จำนวน 1.5 ล้านโดส
สำหรับการจัดหา “วัคซีนโควิด-19” ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยในช่วง 2 เดือนนี้เป็นไวรัสกลายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ซึ่งกระจายไป 96 ประเทศ ในประเทศไทย 2 เดือนก่อน 85-90% เป็นสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เป็นสายพันธุ์เดลตา 30% ทั่วประเทศ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 52%) เพราะสายพันธุ์เดลตาระบาดเร็วกว่าอัลฟ่า 40%
ไวรัสสายพันธุ์เดลตา ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงแม้ฉีดวัคซีนต่างๆ 2 เข็มแล้ว เพราะวัคซีนเจนเนอเนชั่นแรกๆ ไม่สามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่ได้ 100% แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงในการลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต
ปัจจุบันวัคซีนที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงสุด คือ mRNA ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา “สาธารณสุข” จึงมีมติเตรียมให้ใช้ Booster Dose หรือการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ซึ่งอาจจะเป็น AstraZeneca หรือ mRNA (ไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาค 1.5 ล้านโดส รวมทั้งที่รัฐบาลจัดซื้อ) ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าใกล้ชิดผู้ป่วย ซึ่งมีกว่า 7 แสนคน รวมทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ จะเป็นกลุ่มแรกที่ให้ความสำคัญสูงสุด โดยจะประชุมเพื่อสรุปเรื่องนี้ในวันศุกร์ 9 กรกฎาคม 2564