หากเอ่ยถึงชื่อของอีเบย์ (eBay) ในสงครามอีคอมเมิร์ซทุกวันนี้ ต้องบอกว่ามีหลายเรื่องน่าสนใจ โดยเฉพาะการปรับตัวของแพลตฟอร์มที่แตกต่างไปจากเดิมเมื่อ 20 ปีก่อนเป็นอย่างมาก วันนี้เราจึงมาชวนไปติดตามกันว่า แอปพลิเคชันอายุกว่า 26 ปีแอปนี้มีพัฒนาการอย่างไร ให้เติบโตและมีกำไรได้ในวันที่สงครามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซนั้นรุนแรงมากขึ้นทุกที
1. ความเก๋าของ eBay – เป็นแอปกลุ่มแรกที่เปิดตัวบน App Store เมื่อปี 2008
ย้อนกลับไปในปี 2008 ต้องบอกว่า eBay เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันรายแรก ๆ ที่ปรากฏโฉมบน App Store ของ Apple ในวันเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนั้น โดยแอปพลิเคชันในยุคนั้น นอกจาก eBay แล้วก็ยังมี Facebook, Evernote, Instapaper, Yelp ฯลฯ ซึ่งทุกวันนี้ หลายแอปที่กล่าวมาอาจไม่ได้มีชื่อเสียงอยู่ในระดับเดิมอีกต่อไปแล้ว แถมบางตัวก็ปิดตัวไปจนกลับมาเปิดตัวใหม่แล้วก็มี เช่น Yelp
2. eBay เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มี “กำไร”
เรามีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรอบตัวมากมาย หลายรายก็แข่งในทะเลสีเลือด เน้นสงครามราคาจนเจ็บตัวไปตาม ๆ กัน แต่ในความเป็นจริง การเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เติบโตได้ในตลาดโลก ก็ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมใหญ่เสมอไป เห็นได้จากผลประกอบการไตรมาส 2 ของ eBay ที่มียอดใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มมากกว่า 22,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 730,000 ล้านบาท และทำรายได้ในไตรมาส 2 ไปทั้งสิ้น 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ แถมยังมีกำไรสุทธิ 675 ล้านเหรียญสหรัฐอีกด้วย
นอกจากนั้น eBay ยังมีผู้ขายบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านคน ผู้ซื้ออีก 159 ล้านคน (โดยในส่วนนี้ 75% เป็น Repeated Buyers หรือคนที่กลับมาซื้อซ้ำ) และสินค้าบนแพลตฟอร์มอีกกว่า 1,500 ล้านรายการ
3. ไม่ต้องประมูลก็ซื้อของบน eBay ได้
อีกสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงความต่างของ eBay ในปี 2021 ก็คือ พวกเขาไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มสำหรับการประมูล (Bidding) อย่างที่หลายคนคุ้นเคยกันเมื่อ 20 ปีก่อนอีกต่อไป เพราะ eBay ในตอนนี้ ได้เพิ่มบริการ “Buy it Now” ขึ้นมาเพื่อตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
การขายแบบ Buy it Now คือการขายที่ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้จากข้อมูลราคาที่กำหนดไว้ ซึ่งราคาที่แสดงนั้นจะเป็นราคาตายตัว ไม่มีการปรับลดหรือแก้ไขอีก
ส่วนการขายแบบประมูล (Bidding) นั้น ทางแพลตฟอร์มบอกว่ามีการพัฒนาฟังก์ชั่นอัตโนมัติสำหรับการขายสินค้าอย่าง Automatically accept offers และ Automatically decline offers เพื่อความสะดวกของผู้ขายด้วยเช่นกัน
4. ขายบน eBay ต้องเข้าใจลูกค้า 4 ตลาดใหญ่
ภาพรวมของ eBay ในวันนี้ ได้รับการเปิดเผยเพิ่มเติมจากคุณรินทร์ลิตา ศรีโรจนภิญโญ หัวหน้าฝ่ายการตลาด อีเบย์ ประเทศไทย ว่า ปัจจุบัน 4 ตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ eBay คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย และเยอรมนี และหากผู้ขายพิจารณาลึกลงไปในสินค้าขายดีของแต่ละประเทศ อาจช่วยให้วิเคราะห์ตัวตนของลูกค้าในประเทศนั้น ๆ ได้ดีมากขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ออสเตรเลีย ที่สินค้าขายดีอันดับหนึ่งคือชิ้นส่วนรถบรรทุก ซึ่งสะท้อนตัวตนของชาวออสซี่ว่าเป็นคนที่ชอบทำอะไรเอง แก้ไข – ซ่อมของใช้ที่พังด้วยตัวเอง เป็นต้น หรืออย่างเครื่องเล่นวิดีโอเกมที่ขายดีในทั้ง 4 ประเทศยักษ์ใหญ่ ก็สะท้อนได้ว่า ผู้คนต้องการการผ่อนคลายในช่วงล็อกดาวน์ จนทำให้เกิดการซื้อที่มากเป็นพิเศษนั่นเอง (วิดีโอเกมในอังกฤษขายออกไปหนึ่งเครื่องทุก ๆ 4 วินาที ส่วนในสหรัฐอเมริกาขายออกไปหนึ่งเครื่องทุก ๆ 2 วินาที)
5. ผู้ซื้อ-ผู้ขายบน eBay มีตัวตนชัดเจน
การที่ eBay ขายสินค้าทั้งแบบ Bidding และ Buy it Now ทำให้พฤติกรรมผู้ซื้อ – ผู้ขายของ eBay น่าสนใจมากขึ้นด้วยในมุมของนักการตลาด โดยคุณรินทร์ลิตา เผยว่า ด้วยรูปแบบการซื้อ – ขายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะนี้ ทำให้แพลตฟอร์มสามารถประเมินได้ชัดเจนขึ้นว่า ผู้ซื้อ – ผู้ขายแต่ละรายนั้น “เป็นใคร” ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเขาซื้อสินค้าแบบประมูล ก็มีแนวโน้มว่าเขาเป็นผู้ค้าที่จะนำไปขายต่อ แต่ถ้าเขาไปซื้อแบบ Buy it Now ก็มีแนวโน้มว่า เขาจะซื้อไปใช้เอง
“สินค้าบน eBay มีหลายกลุ่ม และ Buyer ของแต่ละกลุ่ม ก็มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างสินค้าขายดีในระดับโลก เช่น เทรดดิ้งการ์ด จะนิยมลงขายแบบประมูล เพราะสามารถทำราคาปิดได้ดีกว่า หรือกรณีของไทย สินค้าขายดีอย่างของสะสม ก็จะนิยมลงขายแบบประมูลเช่นกัน แต่ถ้าเป็นสินค้าประเภทจิวเวลลี่ เราพบว่าในไทยมีการลงขายทั้งสองแบบ คือทั้งแบบประมูล และ Buy it Now”
6. 5 อันดับสินค้าขายดีของ eBay
สำหรับ 5 อันดับสินค้าขายดีที่สุดบนแพลตฟอร์มได้แก่ เทรดดิ้งการ์ด วิดีโอเกม สนีกเกอร์ สมาร์ทโฟน และนาฬิกาหรู โดยเฉพาะเทรดดิ้งการ์ดที่ตลาดสหรัฐอเมริกา eBay พบว่า สามารถขายออกไปได้ทุก ๆ 1 วินาทีเลยทีเดียว
ส่วนอันดับสินค้าขายดีจากไทยใน eBay ปี 2021 (มีมูลค่าการซื้อขายเติบโตขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน) ได้แก่
- อะไหล่รถจักรยานยนต์
- จิวเวลรีแบบมีพลอยประดับ หรือมีตัวเรือนเป็นเนื้อเงิน เนื้อทองคำ
- เพชรแบบเป็นเม็ดที่มีใบรับรอง
- ผลิตภัณฑ์ดูแลและจัดแต่งเส้นผม
- ต้นไม้ตกแต่งบ้าน
7. สินค้าขายดีจากไทยในตลาดโลก
ส่วนสินค้าไทยที่ไปขายดีใน eBay สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย ได้แก่
- จิวเวลลี่ พลอย เครื่องประดับ นาฬิกา
- อะไหล่รถยนต์ อุปกรณ์ตกแต่ง่รถยนต์ รถบรรทุก มอเตอร์ไซค์
- สินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม อาหารเสริม เครื่องสำอาง
8. รายได้ของ eBay มาจากไหน
ที่มาของรายได้ eBay มาจาก 3 ส่วนหลัก ๆ นั่นคือ รายได้จากการนำสินค้าขึ้นไปขายบนแพลตฟอร์ม (Listing Fee) ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้ขายสามารถนำสินค้าไปลงกับ eBay ได้ฟรี 50 รายการแรก ส่วนต่อมาคือค่าคอมมิชชั่นที่จะคิด 10% จากยอดขายก่อนหักภาษี และสุดท้ายคือรายได้จากการโฆษณา
9. รู้จัก eBay MP ระบบชำระเงินแบบใหม่
จากที่เคยควบกิจการ PayPal ในปี 2002 และแยกย้ายกันไปในปี 2014 วันนี้ eBay ได้พัฒนาระบบการชำระเงินแบบใหม่ของตนเองในชื่อ eBay MP ขึ้นมาอย่างเป็นทาง (ย่อมาจาก Managed Payments) ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถรองรับการทำธุรกรรมที่แตกต่างกันของผู้คนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ ไม่ว่าจะเป็น Apple Pay, Google Pay, PayPal หรือแม้แต่การทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ของไทย ซึ่ง eBay เผยว่า ข้อมูลจากไตรมาส 2 มีผู้ประกอบการ 80% บน eBay ที่ใช้ระบบ eBay MP แล้ว
สำหรับผู้ซื้อผู้ขายในประเทศไทย ทาง eBay ระบุว่าได้เริ่มเปิดให้ใช้งาน eBay MP ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ความสะดวกของการใช้ eBay MP ก็คือ ผู้ซื้อสามารถชำระเงินได้หลายวิธี หลายสกุลเงิน จากนั้น ระบบของ eBay MP จะคำนวณค่าธรรมเนียม และสะสมยอดสุทธิไว้เพื่อโอนไปยังบัญชี Payoneer ตามความถี่ที่ผู้ขายกำหนด ซึ่งผู้ขายสามารถถอนเงินออกมาจากธนาคารในไทยได้เลย
10. “ต้นไม้” ก็ขายดีบน eBay นะ
หากเราฮือฮากับการขายต้นไม้มูลค่า 7 หลัก ไม่แน่ว่าการขายต้นไม้ในตลาดต่างประเทศได้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำกว่านั้น เพราะผู้บริหาร eBay เผยว่า จากการระบาดของ Covid-19 และทำให้บรรดาพนักงาน “ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ” กันทั่วโลก สินค้าที่มาแรงบน eBay ก็มีชื่อของต้นไม้ (Decoratives Plants) รวมอยู่ด้วยในหมวด Home Decor
อย่างไรก็ดี คุณรินทร์ลิตาอธิบายเพิ่มเติมถึงเทรนด์การขายต้นไม้ในตลาดต่างประเทศว่า อาจต้องเป็นผู้ขายที่มีประสบการณ์สักหน่อย เนื่องจากแต่ละประเทศมีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน และการจะส่งออกต้นไม้ได้นั้น ต้องมีเอกสารสำคัญ เช่น หนังสืออนุญาตไซเตส ใบรับรองสุขอนามัยพืช ร่วมด้วย และที่สำคัญก็คือ Decoratives Plants จะต้องจัดส่งด้วยบริษัทขนส่งที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจขนส่งพืชพรรณข้ามประเทศ และมีใบอนุญาตนำเข้าพืชพรรณสู่ประเทศปลายทาง (Plant Logistics Exporter/Importer) ด้วยนั่นเอง
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand