หลังจากวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 มีคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง คอนโดหรู แอชตัน อโศก โครงการมูลค่า 6,481 ล้านบาท อาคารสูง 51 ชั้น จำนวน 783 ยูนิต ลูกค้าเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 ถึงปัจจุบันโอนไปแล้ว 87% จำนวน 666 ยูนิต เข้าอยู่อาศัยมาแล้วเกือบ 3 ปี เรียกว่าเป็นเคสสะเทือนวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยทันที
แม้ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เจ้าของโครงการออกมาชี้แจงว่าดำเนินทุกกระบวนการก่อสร้างตามกฎหมาย ได้รับอนุมัติจาก 8 หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก่อนก่อสร้าง พร้อมประกาศสู้สุดความสามารถ เดินหน้าอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด และเร่งหาทางออกให้ลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบ
กระนั้นก็ตาม วันนี้ (10 สิงหาคม 2564) กลุ่มตัวแทน “ลูกบ้าน” แอชตัน อโศก ได้แถลงข่าวเปิดใจคร้ังแรก ผ่านเฟซบุ๊กเพจ saveourhomeashtonasoke เกี่ยวกับผลกระทบที่ลูกบ้านแอชตัน อโศก กำลังได้รับในขณะนี้
โดยบอกว่าปัจจุบันมีลูกบ้านอาศัยอยู่ในโครงการกว่า 1,000 คน คอนโดมีผู้ซื้อเป็นคนไทย 438 ยูนิต และต่างชาติ 140 ยูนิต จาก 20 ประเทศ โครงการนี้ลูกบ้านเกิน 50% ยื่นกู้ขอสินเชื่อธนาคารเพื่อซื้อคอนโด วันโอนกรรมสิทธิ์กรมที่ดินยังออกโฉนดและอนุมัติการโอนให้ปกติ
“จากข้อมูลการก่อสร้าง ทาง อนันดาฯ ได้ชี้แจงกับลูกบ้านว่าดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ถูกต้องตามกฎหมาย มีการขออนุญาตจาก 8 หน่วยงานรัฐ เราเคารพคำตัดสินของศาลและกฎหมายประเทศไทย แต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่การตีความทางกฎหมาย และเห็นว่า อนันดาฯ ก็ทำตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว”
นอกจากแอชตัน อโศก แล้วก็ยังมีโครงการอื่นๆ อีก 13 โครงการที่มีลักษณะการใช้ที่ดินทางเข้าออกเหมือนแอชตัน อโศก หากทุกโครงการถูกเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง ก็จะมีคำถามว่า จะเชื่อถือใบอนุญาตก่อสร้างของหน่วยงานรัฐได้อย่างไร
ปัจจุบันคดีแอชตัน อโศก เป็นคำตัดสินของศาลปกครองกลาง (ศาลชั้นต้น) คดียังไม่สิ้นสุด และจะอุทธรณ์คดีที่ศาลปกครองสูงสุดต่อไป ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาคดีอีก 3-5 ปี แต่วันนี้ลูกค้าบ้านแอชตัน อโศก ได้รับผลกระทบแล้ว และเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดในคดีนี้
“ลูกบ้านแอชตัน ได้รับผลกระทบทั้งด้านจิตใจ ความมั่นคงในชีวิต รวมทั้งปัญหาทางการเงิน จากเดิมที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจอยู่แล้ว”
ตัวอย่าง ปัญหาที่ลูกบ้านแอชตัน อโศก ได้รับผลกระทบแล้วในขณะนี้ เรื่องหลัก คือ การรีไฟแนนซ์ กับธนาคาร ซึ่งมีลูกบ้านหลายรายถึงเวลาต้องยื่นรีไฟแนนซ์ แต่เมื่อมีคำพิพากษศาลปกครองกลางเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ธนาคารปฏิเสธทันที โดยให้เหตุผลว่าคอนโดถูกยกเลิกใบอนุญาตก่อสร้าง ทำให้ไม่มีความมั่นคงเพียงพอ ทำให้ลูกค้าไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้
ต่อมาเป็นเปัญหาเรื่องความมั่นคง เพราะไม่มีใครอยากทำนิติกรรมด้วย ถูกมองเป็นคอนโดเถื่อน ลูกบ้านที่ซื้อคอนโดให้ลูกหลาน ไม่สามารถโอนต่อได้ บางคนรู้สึกว่าไม่รู้ว่าจะผ่อนต่อทำไม การผ่อนแบงก์ไปอีก 30 ปีจะสูญเปล่าหรือไม่ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางจะสูญเปล่าหรือไม่ หากคอนโดต้องถูกทุบทิ้ง ท้ายสุดสภาพคอนโดจะเป็นอย่างไรจากคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
อีกปัญหาใหญ่ คือ ลูกบ้าน ที่เจอปัญหาเศรษฐกิจและขาดสภาพคล่อง ต้องการขายคอนโด ก็ทำได้ยาก ทุกวันนี้การทำนิติกรรมต่างๆ ของ แอชตัน อโศก เริ่มทำได้ยากขึ้น
นอกจากลูกบ้านคนไทย แอชตัน อโศกยังมีลูกบ้านต่างประเทศ ที่กังวลเรื่องปัญหาคดีฟ้องร้องที่ต้องใช้เวลาอีกหลายปี และเสียใจกับการซื้อคอนโดในประเทศไทย ปัญหาที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อความมั่นใจในการซื้ออสังหาฯ ไทย และภาพลักษณ์การลงทุนในประเทศไทย
สิ่งที่ลูกบ้านแอชตัน อโศก ได้ดำเนินการแล้ว คือ ตั้งที่ปรึกษาทางกฎหมายเพื่อเป็นตัวแทนในการต่อสู้คดีนี้ ท้ายสุดขอความเห็นใจจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
1. ต้องการสอบถามว่าใครจะเป็นผู้เยียวยาลูกบ้าน ทั้ง ระยะสั้น รีไฟแนนซ์ ความเชื่อมั่นอยู่อาศัย และระยะยาวการต่อสู้คดีความ
2. ในฐานะประชาชน ต้องการรู้ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ ศาลปกครองสูงสุดตัดสินเพิกถอนใบอนุญาต และคอนโดถูกทุบทิ้ง ใครรับบผิดชอบลูกบ้าน ระหว่างหน่วยงานรัฐ หรือ บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด (เจ้าของโครงการ) และเมื่อถึงเวลานั้น อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (บริษัทแม่) ยังเยียวยาให้ลูกบ้านหรือไม่
3. ลูกบ้านแอชตัน อโศก ยืนยันเคารพคำตัดสินศาลปกครองกลาง กฎหมาย และความถูกต้อง ท้ายสุดหากศาลปกครองสูงสุด มีคำตัดสินว่าคอนโดก่อสร้างไม่ถูกกฎหมาย ต้องรื้อถอนอาคาร ก็ยังเคารพคำตัดสินของศาล แต่ในฐานะผู้บริโภคที่ซื้อคอนโดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีหน่วยงานรัฐเห็นชอบ จึงต้องการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาช่วยเหลือผลกระทบปัจจุบันและอนาคตอย่างเป็นธรรม