สถานการณ์โควิด-19 ที่กินเวลามากว่า 1 ปีครึ่งและยังไม่คลี่คลาย ส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมเผชิญกับภาวะ “ขาดทุน” มาต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ยังสาหัสจากมาตรการล็อกดาวน์ ดุสิตธานี ต้องเดินหน้ากลยุทธ์ปรับโครงสร้างทรัพย์สิน ขายโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่ หันมารับจ้างบริหารแทน เพื่อรักษาสภาพคล่อง คุมเข้มค่าใช้จ่ายรับมือผลกระทบระยะยาว
กลุ่มดุสิตธานี เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 รายได้รวม 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 163 ล้านบาท คิดเป็น 38.4% โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 376 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วขาดทุน 453 ล้านบาท คิดเป็น 17%
ขณะที่รายได้ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปีก่อนที่ 1,646 ล้านบาท หรือ 15.3% โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 302 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 535 ล้านบาท หรือ 43.6%
รายได้ไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นมาก มาจากธุรกิจอื่นๆ จำนวน 164 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144 ล้านบาท หรือ 720% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการวัดมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงิน 92 ล้านบาท กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม 59 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 16 ล้านบาท
ส่วนงวด 6 เดือนแรก ธุรกิจอื่นๆ คิดเป็นรายได้ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 365 ล้านบาท หรือ 238% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการวัดมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงิน 370 ล้านบาทและกำไรจากการขายเงินลงทุน 59 ล้านบาท
โรงแรม-ธุรกิจอาหารต่างประเทศแนวโน้มดีขึ้น
คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 (เมษายนถึงมิถุนายน) และครึ่งปีแรก (มกราคมถึงมิถุนายน) ปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยมีผลขาดทุนลดลง เนื่องจากในระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต้องปิดให้บริการชั่วคราวทั้งโรงแรมในประเทศไทยและในต่างประเทศ แตกต่างจากปีนี้ซึ่งโรงแรมสามารถเปิดให้บริการได้ ทำให้รายได้ไม่ได้หยุดชะงักเหมือนกับการแพร่ระบาดในระลอกแรกเมื่อปีก่อน
“ธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วโลกยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งประเทศไทย ต้องยอมรับว่าการระบาดครั้งใหญ่ในระลอก 3 ที่เริ่มต้นขึ้นเดือนเมษายน 2564 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายไปทั่วประเทศ ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนยังอยู่ระดับต่ำ ส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจท่องเที่ยว”
แต่โดยภาพรวมดุสิตดีขึ้นกว่าปีก่อน เพราะยังมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศและรายได้จากการขยายธุรกิจอาหารให้กับโรงเรียนนานาชาติในเวียดนามมาช่วยเสริม นอกจากนี้ยังมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม และยังคงควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดและพยายามลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้แม้จะมีผลดำเนินงานขาดทุน แต่ก็เป็นผลขาดทุนที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดโควิด แต่กลุ่มดุสิตธานี ยังขยายธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ได้เปิดโรงแรมใหม่ภายใต้รูปแบบ White Label Hotel Managed by Dusit ที่เกาะกวม ประเทศสหรัฐอเมริกา 1 แห่ง รวมถึงเปิดตัว เทวารัณย์ เวลเนส คอนเซ็ปต์ ซึ่งเป็นแนวคิดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมใหม่ รองรับเทรนด์ท่องเที่ยวใหม่ ตลอดจนปรับปรุงกิจกรรมต่าง ๆ และเตรียมพร้อมโรงแรมและวิลล่าเพื่อเข้าโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัส
ส่วนธุรกิจอาหาร ได้เปิดร้านคาวาอิ เป็นแฟลกชิพ สโตร์ แห่งใหม่ในย่านอโศก โดยเป็นร้านสแตนด์อะโลน แห่งแรก เพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมอาหารเพื่อสุขภาพ และสามารถสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
ล็อกดาวน์เข้ม ฉุดรายได้ไตรมาส 3
สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะในไตรมาส 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นและมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มข้นในหลายจังหวัดของประเทศไทย คาดว่าจะส่งผลกระทบกับผลประกอบการมากขึ้น
กลุ่มดุสิตธานีได้พยายามบริหารสถานการณ์และวางแผนเพื่อรับมือกับผลกระทบระยะยาวที่อาจจะยืดเยื้อกว่าที่คาด ด้วยการดำเนินการตามกลยุทธ์ปรับโครงสร้างทรัพย์สิน (Asset Optimization) โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้บรรลุข้อตกลงในการขายโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่ ให้กับนักลงทุน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและทำสัญญารับจ้างบริหารโรงแรมดังกล่าวต่อไป ภายใต้แบรนด์ “ดุสิตธานี” 10 ปี และสิทธิขยายเวลาอีก 5 ปี รวมเป็น 15 ปี รายได้และกำไรจากการขายจะรับรู้ในงบการเงินไตรมาส 3 ปีนี้
นอกจากนี้ยังคงบริหารจัดการด้านการเงินอย่างระมัดระวัง ด้วยการให้ความสำคัญกับการลดสัดส่วนของต้นทุน ค่าใช้จ่าย และรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ล่าสุดได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่จำนวน 1,000 ล้านบาทให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นที่เรียบร้อย
“สิ่งที่เราพยายามทำในขณะที่ธุรกิจหลักมีแนวโน้มเผชิญความท้าทายมากขึ้น นอกจากจะขยายธุรกิจให้มีความหลากหลายเพื่อสร้างรายได้และผลตอบแทนแล้ว ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างทรัพย์สิน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยเสริมสภาพคล่อง และรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินของกลุ่มบริษัท ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโควิดยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คาด”
กลุ่มดุสิตธานียังคงพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะประคับประคองธุรกิจไว้ให้ได้ และจะอดทนรอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้กลับมาสดใสอีกครั้งในอนาคต