HomeDigitalเทรนด์สอดส่องพนักงานก็มา ธุรกิจ Monitoring Tools ในสหรัฐฯ โต 3 เท่าช่วง Work From Home

เทรนด์สอดส่องพนักงานก็มา ธุรกิจ Monitoring Tools ในสหรัฐฯ โต 3 เท่าช่วง Work From Home

แชร์ :

shutterstock_control มือ ควบคุม

ถ้าหากคุณกำลังกังวลกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ iOS 15 ของ Apple ว่าอาจจะรุกล้ำความเป็นส่วนตัว (ประเด็นที่จะมีการสแกนภาพในเครื่องว่าเป็นภาพการล่วงละเมิดเด็กหรือไม่) แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ยินดีกับคอมพิวเตอร์ที่บริษัทส่งมาให้ใช้งานระหว่าง Work From Home ขอบอกว่า บางทีในคอมพิวเตอร์ที่บริษัทส่งมาให้ทำงานอาจน่ากังวลยิ่งกว่าก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน “สหรัฐอเมริกา”

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เพราะมีการเปิดเผยจากวอชิงตันโพสต์ว่า บริษัทหลายพันแห่งในดินแดนแห่งเสรีภาพนี้ มีการติดตั้งซอฟต์แวร์ Monitoring Tools หรือซอฟต์แวร์สำหรับสอดส่องการทำงานของพนักงานมากับคอมพิวเตอร์ของออฟฟิศ โดยซอฟต์แวร์เหล่านั้นจะทำงานอยู่เบื้องหลัง ทำให้พนักงานไม่อาจทราบได้ว่า มีการเก็บข้อมูลการใช้คอมพิวเตอร์ของพวกเขาอยู่ตลอดนั่นเอง

สิ่งที่ซอฟต์แวร์เหล่านี้เก็บไปจากพนักงานมีตั้งแต่ การบันทึกภาพหน้าจอ (บางระบบสามารถแคปเจอร์ภาพได้ทุก ๆ 5 วินาที) การสำรวจว่าพนักงานใช้แอปอะไร หรือกำลังเข้าเว็บไซต์ใดอยู่ ไปจนถึงการเก็บข้อมูลจากคีย์บอร์ด และเมาส์ โดยที่พนักงานไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเมื่อผสมกับการวิเคราะห์ของ AI มันสามารถประเมินได้ว่า เว็บที่พนักงานเข้า หรือแอปที่พนักงานใช้นั้น มีประสิทธิภาพแค่ไหน หรือเป็นสิ่งไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อการทำงาน และประเมินออกมาเป็นคะแนนในการทำงานได้เลย ซึ่งในท้ายที่สุด คะแนนเหล่านี้จะถูกประเมินและสามารถนำไปใช้ลดเงินเดือน หรือคัดคนออกนั่นเอง

วอชิงตันโพสต์ยังได้อ้างข้อมูลจาก Awareness Technologies ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ Monitoring Tools ชื่อ Interguard ว่า ในช่วง Pandemic ธุรกิจซอฟต์แวร์ของพวกเขาเติบโตถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่พนักงานยังเข้าไปทำงานในออฟฟิศ

รุกล้ำความเป็นส่วนตัว

Brad Miller ผู้บริหารของ Awareness Technologies บอกว่าเครื่องมืออย่าง Monitoring Tools อาจเหมาะกับพนักงานที่อยากพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในอีกด้าน พฤติกรรมของ Monitoring Tools เหล่านี้ก็คือการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวดี ๆ นี่เอง

สิ่งที่ยืนยันได้ดีก็คือฟีเจอร์ที่ Monitoring Tools เหล่านี้ทำได้ โดยข้อมูลจาก StandOut CV ที่ได้ทำการสำรวจ Monitoring Tools จำนวน 32 ยี่ห้อพบว่า

  • 93% สามารถดูได้ว่าเราใช้เวลาทำงานในแต่ละวันไปเท่าไร
  • 75% สามารถถ่ายภาพหน้าจอส่งกลับออฟฟิศได้
  • 75% สามารถดูได้ว่าเราใช้แอป หรือเข้าเว็บอะไร
  • 65% สามารถเข้าไปดูประวัติการเข้าเว็บย้อนหลัง
  • 43% สามารถเข้าไปสแกนอีเมล
  • 28% สามารถเข้าไปดูไฟล์ที่เราเปิดใช้ในเครื่อง
  • 34% สามารถควบคุมเครื่องได้จากระยะไกล
  • 19% สามารถระบุที่อยู่ของเราได้จากคอมพิวเตอร์
  • 9% สามารถฟังได้ว่าพนักงานพูดอะไรไปบ้างจากไมค์ของคอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ดี ในมุมของผู้พัฒนาระบบเองก็ยังบอกว่า การมอนิเตอร์พฤติกรรมพนักงานที่ Work From Home ไปเสียทุกอย่างก็อาจไม่เป็นผลดี  เพราะจะทำลายขวัญกำลังใจในการทำงาน ทำให้พนักงานเกิดอาการเบิร์นเอาท์ และอาจนำไปสู่การลาออกเพิ่มขึ้นด้วย

Source

Source

Source


แชร์ :

You may also like