จากที่เป็นประเด็นฮือฮากรณีแอปพลิเคชัน OnlyFans ตัดสินใจแบนคอนเทนต์ที่มีเนื้อหา 18+ โดยจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ล่าสุดได้มีคำอธิบายเพิ่มเติม “สั้น ๆ” จากซีอีโอ Tim Stokely ว่า “The short answer is banks”
แน่นอนว่าเป็นคำตอบที่ไม่ต้องเอ่ยอะไรมากก็เข้าใจกันดี เพราะสถาบันการเงินคือผู้อยู่เบื้องหลังการเติบโตของหลาย ๆ ธุรกิจ และ OnlyFans ก็หนีความจริงข้อนี้ไม่พ้นเช่นกัน เห็นได้จากการที่ Tim Stokely อธิบายเพิ่มเติมว่า หากชื่อเสียงของพวกเขาไม่ดีพอ ก็มีความเป็นไปได้ที่สถาบันการเงินจะปฏิเสธที่จะทำธุรกรรมด้วย ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือก และตัดสินใจแบนเนื้อหาประเภทโป๊เปลือยออกจากแพลตฟอร์มในที่สุด
Tim Stokely ยังได้เผยชื่อของสถาบันการเงินที่บอกว่าจะไม่ทำธุรกรรมกับพวกเขาด้วย เช่น Bank of New York Mellon, Metro Bank และ JPMorgan ซึ่งธนาคารอย่าง Metro Bank ในอังกฤษถึงกับปิดบัญชีของบริษัทไปเลย ขณะที่ JPMorgan ก็มีการรุกคืบมากกว่านั้นด้วยการเข้าไปปิดบัญชีของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการทางเพศ หรือปิดบัญชีของผู้ขายบริการทางเพศโดยตรงอีกด้วย
สำหรับ OnlyFans แพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 2016 แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาตั้งใจเป็นสื่อออนไลน์ที่เปิดให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ นำเสนอคอนเทนต์ให้กับแฟน ๆ และคิดค่าใช้จ่ายจากการรับชมดังกล่าว (หรือจะไม่คิดเงินก็ได้)
อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา OnlyFans กลายเป็นพื้นที่ของผู้ให้บริการทางเพศ หรือ sex workers ที่เข้ามาใช้โปรโมทเนื้อหาความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Pandemic ที่ทางแพลตฟอร์มอ้างว่าทำรายได้มากกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ก็คาดว่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เนื่องจากคนอยู่บ้านกันมากขึ้น โดยฐานผู้ใช้งาน OnlyFans ตอนนี้อยู่ที่ 130 ล้านคน และมีครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม 2 ล้านคน
ไม่เฉพาะ OnlyFans ที่โดนกดดัน เพราะก่อนหน้านี้ เว็บไซต์อย่าง Pornhub ก็โดน Mastercard และ Visa ตัดสายสัมพันธ์มาแล้วเช่นกัน (กรณีของ Pornhub พบว่ามีคลิปล่วงละเมิดทางเพศเด็กอยู่บนเว็บไซต์ ซึ่งทาง Pornhub ได้ออกมาปฏิเสธ และบอกว่าจะเข้มงวดเรื่องการอัปโหลดคลิปให้มากขึ้น)
ซีอีโอ OnlyFans ยังบอกด้วยว่า พวกเขายินดีต้อนรับคอนเทนต์กลุ่ม 18+ กลับมา ถ้าทัศนคติของสถาบันการเงินเปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่